วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก

ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (1)
เพียงเพราะเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วเกิน(กว่าที่อเมริกา)คาด อเมริกาถึงกับฉุนขาด
การ โตแบบนี้ ทำให้อเมริกา ยกระดับจีน ไปอยู่ในประเภทศัตรูรูปแบบใหม่ (New Enemy Image) แทนที่ศัตรูรูปแบบเก่าในยุค 2001 คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หรือสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น
เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่อเมริกา เมินผลประโยชน์ในเอเซียตะวันออก
แต่หลังจากจีน ผงาดมาทาบรัศมี รัฐบาลโอบามา จึงได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปรับเข็มทิศหมุน กลับมาทางเอเซียแปซิฟิก พร้อมประกาศย้ำเตือนความจำชาวโลก ว่า
อเมริกาคืออำนาจในแปซิฟิกและจะเป็นอยู่อย่างนี้ ตลอดไป (นายแน่มาก)
การประกาศนี้ได้รับการเชียร์อย่างล้นหลาม จากบรรดา
กองเชียร์ (หน้าม้า!) เช่น EU และ NATO
ปี 2005 นาย Andrew Marshall กูรูผู้วางยุทธศาสตร์การทหารให้Pentagon มากว่า 40 ปี มีลูกศิษย์คนโปรดเช่น Dick Cheney และ Donald Rumsfeld
(ประเภทเดินไปไหน พรมขาด เพราะเขี้ยวลากทั้งน้าน!) ได้ทำรายงาน ถึง นาย
Rumsfeld เรื่อง Energy Future in Asia
น้ำมัน น้ำมัน มาแล้วครับ
รายงาน อ้างว่า จีนสร้างสัมพันธ์กับประเทศ ที่อยู่ตามเส้นทางชายฝั่ง ไล่ไปจาก
ตะวันออกกลาง ถึง ทะเลจีน ในลักษณะที่ท้ัง เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของจีนเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางทหารกับจีนด้วย
พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาถือว่าเป็นการ ขัดขวาง ขวางทาง ผลประโยชน์ของอเมริกา
ในเอเซียโดยตรง (ภาษาจิ๊กโก๋เรียกว่า เป็นก้างขวางคอ) โดยเฉพาะเกี่ยวกับการครอบครองแหล่งน้ำมัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบ แถวภูมิภาคนี้ใหม่ เพื่อเป็นการปิดกั้นจีน (Containment) แต่การปิดกั้นครั้งนี้ เรียกเสียหวานแหววเลย ว่า String of Pearl Strategy

ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (2)
ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกอ้างว่า จีนได้นำไข่มุกงามแต่ละเม็ด มาร้อยเรียงกันเอาไว้สวมใส่
ติดตัว ไม่มีขาย ไม่มีแบ่ง เช่น
- บังคลาเทศ : จีนกำลังสร้างสัมพันธ์กับรัฐบาล และมีข้อตกลงที่จะเอี่ยวใช้ท่าเรือ
ที่จิตตะกอง
- พม่า : จีนสร้างสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับกองทัพ จนพม่าหลวมตัว ให้จีนสร้างฐานทัพเรือและเครื่องตรวจจับ อีเลคโทรนิกส์ เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวทางเรือแถวอ่าวเบงกอล และบริเวณช่องแคบมะละกา นี่ยังไม่นับเงินช่วยเหลือทางทหาร อีกหลายพันล้านเหรียญ ที่จีนควักกระเป๋าให้แบบไม่เสียดาย
- เขมร : จีนทำสัญญา ให้ความร่วมมือทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ เมื่อปี 2003
รวมทั้งรวมฝึกซ้อมรบด้วยกัน เขมรเองก็ให้ความร่วมมือจีน ในการสร้างทางรถไฟ
จากทางใต้ของจีน มาสู่ทะเล
- ไทย : จีนเสนอเงินให้ไทย จำนวน 20,00 ล้านเหรียญ เพื่อใช้ในการสร้างคลองเป็นทางเดินเรือบริเวณคอคอดกระ ซึ่งจะทำให้เรือบรรทุกสินค้าทั้งหลาย ไม่ต้องเสียเวลา
ไปวิ่งผ่านช่องแคบมะละกา โครงการนี้ถ้าเกิด จะทำให้จีนเพิ่มอิทธิพล และควบคุม
ภูมิภาคนี้ได้
แบบนี้อเมริกาย่อมไม่ยอมอยู่เฉยกับการเตรียมตัว สวมสร้อยมุกของจีน
คุณเอามุกมาร้อยได้ เราก็กระชากให้ขาดได้เช่นกัน จีนไปทางไหน อเมริกาก็จะตามไปประกบ แบบแกะไม่ออกเลยล่ะ
ยุทธการกระชากสร้อยจึงเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ แต่เอาจริง
มุกเม็ดงาม เม็ดใหม่เพิ่งนำออกสู่ตลาด น่าขะโมยที่สุด คือพม่า
พม่าปกครองด้วยรัฐบาลเผด็จการทหาร กว่า 40 ปี อเมริกาบอกไม่เป็นประชาธิปไตย ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษกิจพม่า มาตั้งแต่ปี 2003
ทำเอาประชาชนชาวพม่าจนแล้วจนอีก ต้องส่งแม่บ้านพม่าเป็นสินค้าออกสำคัญ
แล้วไง วันดี คืนดี ปี 2012 คุณนายคลินตัน ก็บุกเข้าพม่าพร้อมกับบอกว่า พร้อมที่จะทบทวน
เรื่อง การคว่ำบาตร แต่หลังฉากเขาลือกันว่า น่าจะเกี่ยวกับข่าวที่ว่า จีนกำลังก่อสร้างท่อส่งน้ำมันและก๊าซ จากมณทลยูนนาน (ยูนนาน อีก แล้ว!)
มาตามเส้นทางถนนเก่าของพม่า ข้ามไปอินเดีย บังคลาเทศ ออกไปยังอ่าวเบงกอล
หลังจากนั้นรัฐบาลพม่า เริ่มการเจรจาการค้ากับโลกตะวันตก
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการเจรจา ปล่อยตัวคุณน้าอองซาน ซึ่งอเมริกาทั้งอุ้มทั้งชู
ให้ มีสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน กับการที่คุณนายคลินตัน ทำท่าใจดี ว่าจะพิจารณาการผ่อนคลาย การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และนำนักลงทุนมาช่วยเพิ่มการลงทุน การผลิตในพม่า
ฟังดูสวยหรู แต่สคริปต์มันโบราณไปหน่อยไหมคุณนาย แบบนี้ สมันน้อย ไทยแลนด์ฟังมา 50 ปีแล้ว 555

ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (3)
เอ้า มาดูบทกระชากสร้อยของคุณนายกันหน่อย
ตามข้อตกลง การผ่อนคลายการคว่ำบาตร ทำให้อเมริกาเปลี่ยนสถานะเป็นผู้จัดการ
ประเทศพม่า รัฐบาลอเมริกันทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือก บริษัทอเมริกันที่จะมาลงทุนในพม่า เป้าหมายคือการเปิดการลงทุนเสรีในพม่า (คุ้นจัง!) เป็นการนำพม่าไปสู่การไม่มีเสถียรภาพอย่างไม่มีทางเลือก
ทุนเสรีกำลังเดินทางเข้าพม่า อย่างเร่งรีบ เอ้า พี่หม่อง เร้ว มาเข้ากลุ่มสมาคมสมันน้อยกันได้แล้ว
นอกจากนั้น อเมริกา ยังทำหน้าที่ ผู้กำกับการลงทุน กลต. ให้กับพม่า บริษัทใดที่มีกลุ่มทหารพม่าหรือมีส่วนเกี่ยวกับ กระทรวงกลาโหม ถือหุ้น อเมริกาถือเป็นเขื่อนไขในการพิจารณาการผ่อนปรนการคว่ำบาตร
ยัง ยังไม่พอ
อเมริกายังสวมบทบาท สภาปฎิรูปให้พม่าแถมไปด้วย โดยระบุเงื่อนไขว่า
มันผู้ใดก็ตาม ที่ไม่สนับสนุนขบวนการปฏิรูปประเทศ ไม่เฝ้าระวังการละเมิดสิทธิ
มนุษยชน หรือทำการค้าขายกับทหารพม่า หรือเกาหลีเหนือ ห้ามเข้ามาร่วมขบวน
การชำเรา เอ๊ย เปิดเสรีร่วมกับอเมริกา
อเมริกาบอก เราใช้นโยบาย เด็กดีให้อมยิ้ม เด็กดื้อให้อมไม้บันทัด น่ากลัวจัง
ที่เหลือเชื่อ อเมริกาทำตัวเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งพม่า กำหนดเงื่อนไข การจ่ายเงิน
การโอนเงิน การทำรายงาน ฯลฯ เพื่อจะได้กรองให้ชัดๆ ว่ามีอาเฮีย หรือสมุน แจมมาด้วยหรือเปล่า พี่หม่อง นี่ ทำท่าจะชิง ตำแหน่งสมันน้อย ไปซะแล้ว จากสมันน้อยนุ่ง
โจงกระเบน เป็นสมันน้อยนุ่งโสร่ง
นอกจากนั้น ตามเงื่อนไขที่คุณนายคลินตันกำหนด ยังสนับสนุนให้บรรดา องค์การ
สิทธิมนุษยชน NGO ซึ่ง ใกล้ชิด หรือเกี่ยวกับรัฐบาลอเมริกา ให้เข้าไปร่วมดูแลพม่า
อีกด้วย ตั้งแต่ 20 เมย 2012 เป็นต้นมา
สำหรับประเทศไทย ไข่มุกเม็ดสำคัญ ในยุทธการกระชากสร้อย เขาจะเอาไปห้อย
ตรงไหนนะ
ในรายงานของ Pentagon ระบุว่า ภายใต้การนำของนายกคนปัจจุบัน ซึ่งเป็น
น้องสาวของนายทักษิณ มหาเศรษฐี อดีตนายกที่อเมริกาสนับสนุน สัมพันธภาพ
ระหว่างไทย กับ อเมริกาก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ไปตามทิศทางของยุทธศาสตร์กระชากสร้อย
Pentagon ได้เจรจาอย่างเงียบเชียบกับรัฐบาลไทย ที่จะกลับมาใช้อู่ตะเภา ฐานทัพ
ในประเทศไทย ที่อเมริกาได้สร้างตั้งแต่สงครามเวียตนาม เป็นฐานทัพที่มี runway
ที่ยาว ถึง 2 กม เป็น runway ที่ยาวที่สุดในเอเซีย และพยายามจะให้กองทัพเรือ
อเมริกา เข้ามาใช้ท่าเรือของไทยได้มากขึ้น เพื่อใช้จับตาดูการเคลื่อนไหว เส้นทาง
ลำเลียงสินค้า และการเคลื่อนไหวทางทหารของจีน
แล้วชาวเรารู้เรื่องนี้กันบ้างไหม
หรือจะปล่อยให้อยู่แต่ในความดูแลของรัฐบาลและคุณพี่ทหารนักวิ่งพลัด เหมือนเมื่อ 50 ปีก่อน

ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4)
เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง
ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน
ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน
5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย
นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่
ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้
นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย
ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน
ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย
เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน
ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท "Arab Spring" ไปทั่ว
ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย
ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน
จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี
13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล
ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า
ที่มีกับเวียตนาม
และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต
แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา
เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP
เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้
เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ
หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง
เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม
(คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ)
แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่
แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก
ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง
จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง

ที่มาของข้อมูล นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=722519821109834&id=688258957869254