นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 1
ปลายฝนต้นหนาว เรื่องราวใหญ่ๆทยอยเกิดขึ้น เหมือนมีไอ้จัญไรที่ไหน ตั้งใจก่อเหตุให้เป็นไปตามแผน....
เริ่มด้วยเครื่องบินโดยสารรัสเซียถูกยิงตกที่อียิปต์ ผู้โดยสารตายยกลำ ภายหลังมีหลักฐานอ้างว่าเป็นกลุ่มไอซิส ISIS ตามมาด้วยที่ฝรั่งเศส ระหว่างที่ชาวปารีสกำลังพักผ่อนหลังเลิกงานในคืนวันศุกร์ ก็ถูกผู้ก่อการร้าย ที่อ้างว่าเป็นไอซิส ล้อมยิงไล่ยิงกลางกรุงปารีสไม่รู้กี่จุด ทำเอาชาวฝรั่งเศสตายร้อยกว่าคน
ทางการตามล่าไอซิสที่ว่าเป็นตัวการ แต่หนีไปกบดานถึงกรุงบรัสเซลล์ การไล่จับไอซิสที่บรัสเซลล์ ทำเอาบรัสเซลล์ต้องยกระดับภัยก่อการร้ายขึ้นไปสูงสุด
ชาวฝรั่งเศสขวัญยังไม่เข้าที่ ส่วนชาวบรัสเซล์ก็ยังไม่หายงุนงงตกใจ จับหัวไม่ชนปลาย ดันมีข่าวใหม่เกิดขึ้นมาอีกว่า มีผู้ก่อการร้ายบุกเข้าไปในโรงแรมหรูที่ มาลี อาฟริกา จับเอาแขกโรงแรมเป็นตัวประกัน คราวนี้บอกไม่ใช่ไอซิส แต่เป็นผู้ก่อการร้ายพันธุ์อะไรไม่รู้ข่าวมั่วจัง แต่ว่ามีคนตายร่วมยี่สิบ สื่อตะวันตกออกข่าวออกน้อยมาก เพราะใบสั่งบอกว่า อัดฝรั่งเศสกับบรัสเซลล์ ให้หนักๆก่อน
ผมนอนตามข่าวไปเรื่อยๆ คิดจะเขียนนิทานต่อ แต่ใจอยากจะดูอะไรอีกนิด ให้แน่ใจ
แล้วเมื่อวานซืน (24 พ.ย.) ไอ้อีกนิด.... ก็เกิดขึ้น นักบินตุรกี ยิงเครื่องบินซูกอยของคุณพี่ปูตินร่วงไปหนึ่งลำ รัสเซียอ้างว่า เป็นการยิงในขณะที่เครื่องบินรัสเซีย กำลังบินอยู่ในเขตซีเรีย แต่ตุรกีก็อ้างว่า อยู่ในเขตตุรกี ใครอ้างอย่างไร ในที่สุดหลักฐานคงออกมาบอกเอง แต่ที่ผมสะกิดใจ คุณพี่ปูตินบอกว่า รายการนี้ เหมือน "ถูกแทงข้างหลัง...."
คำพูดแบบนี้ นักเลงเขาไม่พูดกันง่ายๆ และเมื่อพูดแล้ว ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกี่ยวพัน ทั้งทางตรงทางอ้อม จะเป็นอย่างไร เสียวครับ
เรื่องราวทั้งหมดที่เขียนข้างต้น เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน นับว่าเป็นการเดินเรื่องที่เร็วมาก คำถามคือ เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกันไหม ผมว่าเกี่ยว อาจมีบางท่านคิดว่า ที่ มาลีไม่เกี่ยวกัน แต่ผมว่ามันเกี่ยวกันทั้งนั้น
....ตอนนี้ คนที่กำลังนั่งเก้าอี้ร้อน ควันออกตูด ไม่ใช่ชื่อปูติน แต่เป็นลุงโอลอง ที่แม้อากาศแถวยุโรปจะเริ่มเย็นลง แต่เหงื่อหัวล้านของลุงโอลองออกจนซับไม่ทัน โอ้ย... ปวดใจนัก เจ็บใจลึก เสียงเหมือนลุงโอลองกำลังครวญคราง
ศุกร์ 13 พฤศจิกา ที่ปารีส เล่นแรงเหลือเกิน เหมือน เสาร์ 31 ตุลา ที่อียิปต์เลย แต่ในความเหมือน ก็มีความต่างอย่างน่าคิด
เสาร์ 31 ตุลา เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งลำจำนวน 224 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ไม่กี่วัน หลังจากที่เครื่องตก สื่ออังกฤษ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมายืนยันว่า เป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย หลังจากนั้น อเมริกาออกมาประทับตราว่า โอกาสที่ไม่ใช่ฝีมือผู้ก่อการร้าย แทบไม่มีเลย สื่อตะวันตก รายงานข่าวทั้งวัน แต่รัสเซียกับอียิปต์ ยังขอสงวนสิทธิ ไม่ลงความเห็น รอหลักฐานที่ชัดเจนก่อน
ข่าวเสาร์ 31 ตุลา ที่สื่อตะวันตกรายงาน มีแต่ภาพซากเครื่องบินตก ถ่ายซ้ำไม่กี่ภาพ กับภาพนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ กำลังเข้าคิวยาวอยู่ที่สนามบินในอียิปต์ รวมทั้งรายการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวอังกฤษว่า ลำบากมากไหม ทางการอียิปต์มาดูแลไหม ส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวรัสเซีย และก็เป็นลูกค้าขาใหญ่ของอียิปต์ตอนนี้ และน่าจะอยู่ในสภาพขวัญฝ่อ สื่อตะวันตกทำข่าวให้นิดหน่อยอย่างเสียไม่ได้
ผ่านไปเกือบ 7 วัน คงเพิ่งนึกออกว่า เออมีชาวรัสเซียตายตั้งแยะว่ะ สื่อตะวันตกเลยทำข่าวเพิ่มให้อีกนิด หลังจากนั้น จึงทำข่าวพิธีสวดไว้อาลัยในโบสถ์ที่รัสเซีย ไม่มีการถ่ายทอดข่าวผู้นำชาติไหนออกมาแถลงข่าวเสียใจ หลังจากเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงว่า เราอยู่เคียงข้างรัสเซียในคราวเคราะห์ร้ายหนักครั้งนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนหน้าเฟซ เป็นรูปธงชาติรัสเซีย ชีวิตคนเหมือนมีค่า ตามแต่สื่อจะชึ้นำ...
แต่ศุกร์ 13 พฤศจิกา ที่ปารีส คงจะยังเป็นข่าว ที่สื่อตะวันตกเล่นต่ออีกพักใหญ่ หลังจากเริ่มรายงานกันแบบเรียลไทม์เกือบทั้งวันมาเกือบเดือนแล้ว ทุกวัน CNN ส่งทีมนักข่าวเบอร์ใหญ่มายื่นพล่ามเอง ปลุกมาหมด และเหมือนเดิม สื่ออังกฤษ รายงานเปรี้ยงก่อนเพื่อนว่า น่าจะเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย ก่อนที่ไอซิสจะออกมาสมอ้าง
อเมริการับลูก ไอซิสชั่วช้าเลวมาก เลวจนน่าคลื่นไส้ นักวิเคราะห์เปลี่ยนหน้ามาออกความเห็นกันทุกวันว่า ไอซิสทำ ไอซิสทำ และไอซิสก็รีบส่งคำขู่ว่า ป้ายหน้าแวะเยี่ยมวอชิงตันแน่นอน โอ้ย น่ากลัวจัง....
วันที่ 16 พฤศจิกายน ลุงโอลอง เข้าไปแถลงในรัฐสภาฝรั่งเศส ด้วยสีหน้าเครียด ถึงความโหดของไอซิส และทำให้ฝรั่งเศส จำเป็นต้องประกาศสงคราม... กับไอซิส และขอประกาศภาวะฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือน ....เราต้องเข้มแข็ง เราต้องจับมือกัน เราต้องเอาชนะ กวาดไอซิสให้เกลี้ยง.... เป็นการพูดที่เข้ม เครียด ลุงโอลองพูดเสร็จ ทั้งสภาลุกขึ้นยืนตบมือ และตามด้วยร้องเพลงชาติร่วมกัน
ผมดูข่าวด้วยความสงสาร เศร้าใจ และเหนื่อยหน่าย
ก่อนหน้าจะเข้าไปแถลงที่รัฐสภา หลังจากเกิดเหตุหมาดๆที่ปารีส ท่านใบตองแห้งกำชับลุงโอลองว่า อย่ามัวแต่ลอยชาย ต้องรีบไปบอมบ์ถล่มที่มั่นไอซิส ที่ซีเรีย ด่วนเลยนะ เดี๋ยวเขาจะว่าฝรั่งเศสแหย หรือแตกคอก .... วันรุ่งขึ้น ลุงโอลองรีบส่งเครื่องบินเจ็ท 20 ลำไปถล่มที่มั่นไอซิสในซีเรีย ไม่รู้กี่แห่ง
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว CNN ต่างประสานเสียงว่า งานข่าวกรองฝรั่งเศสห่วยแตกมาก ปล่อยให้เกิดเรื่องขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวล่วงหน้าเลยเหรอ ฝรั่งเศสบอกรู้ แต่ไม่หมด
รายการเครื่องบินโดยสารรัสเซียตกก็เหมือนกัน อังกฤษดูเหมือนรู้ดีจัง ออกมาว่าเป็นฉากๆ แถมบอกอีกว่า สงสัยข่าวกรองรัสเซียทำไมไม่รู้ข่าว คุณพี่ปูตินอัดกลับอังกฤษ ....คุณรู้ข่าวก่อน ทำไมคุณไม่บอกเราล่วงหน้า คุณปล่อยให้เครื่องเราตกก่อน แล้วค่อยบอกที่หลัง ว่ารู้ข่าวก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ เล่นถามผ่าหน้าแบบนี้ อังกฤษก็จีบปากตอแหลต่อไม่ออก
แต่ลุงโอลองไม่เหมือนกับคุณพี่ปูติน สงสัยยังตั้งตัวไม่ติด หรืออะไร มันยังติดคอ นักข่าว CNN เลยถือโอกาสเติมฟืน ระหว่างกำลังรายงานสด เห็นภาพชาวฝรั่งเศสที่กำลังยืนไว้อาลัยบ้าง เอาดอกไม้มาวางที่หน้าร้านอาหารที่เกิดเหตุ แล้วอยู่ดีๆ ฝูงชนเหล่านั้น ก็หน้าตื่นหันไปมา หลังจากนั้นพร้อมใจกัน ขวาหัน วิ่งตั้บๆๆๆ หน้าตื่นหายไปทั้งฝูง เหมือนถูกอะไรไล่มา
นักข่าวรายงานว่า ไปตรวจสอบแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามตำรวจ ก็บอกว่า ไม่รู้ว่าวิ่งหนีอะไรกัน.... ......นี่เห็นไหม ขนาดตำรวจนะ ยังไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งเกิดเหตุร้ายหยกๆ ไม่ตื่นตัว มีแต่ตื่นเต้น แบบนี้ชาวบ้านก็ขวัญเสียหมด.... อีหนูนักข่าว ด่าฉอดๆ ไม่เลิก ฮู้ย บทมันต้องเล่นทั้งจิก ทั้งบี้ ทุกเรื่องแบบนี้เลยหรือครับ
แต่มันก็มีการหักมุมอย่างเหลือเชื่อ การประชุม จี 20 ช่วงวันที่ 15-16 พ.ย. ที่ดินแดนของนกสองหัวตุรกี ท่านใบตองแห้งยืนแถลงตอนจบ ทำหน้าเครียด (อีกแล้ว) ด่าว่าไอซิส เลวจนเกินคำบรรยาย เราต้องกำจัด ไอซิสไม่ให้เหลือ ฯลฯ ขี้เกียจเขียนยาวครับ มันก็อีหรอบเดิมนะ ด่าเช็ดไม่มีเหลือ
....แล้วอเมริกาจะเอายังไงคร้าบ นักข่าวถามกันเซ็งแซ่ เห็นไอซิสขู่ว่า ป้ายหน้าจะไปวอชิงตันไม่ใช่เหรอคร้าบ ....
ท่านใบตองแห้งทำหน้าขรีม บอกว่า การเอากองทัพ(อเมริกา) เข้าไปในซีเรีย ก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ซีเอนเอน ของท่านใบตองแห้งเอง ถึงกับใช้ประโยคว่า ... A troop in Syria would be a mistake... การเอากองทัพ(ของเรา) เข้าไปในซีเรีย จะเป็นเรื่องผิดพลาด...
.. ..หา.... นักข่าวมองหน้ากันเลิกลั่ก กูฟังผิดหรือเปล่าวะ เฮ้ย ท่านใบตองแห้ง สงสัยหยิบโพยผิด ไหนกำลังดุเดือด บอกว่า เราต้องกำจัดไอซิสไงคร้าบ..
ท่านใบตองแห้งบอกว่า เรากำลังหาทางออกที่ดีกว่านั้น อ้อ ... แปลว่า ยังไม่มีแผน หรือยังบี้ไม่ได้ที่ ...
โอ้ย ปวดจาย... ตาย (ห่า) กันไปเท่าไหร่แล้ว 2 ประเทศ ยังไม่ถึงใจ ยังไม่ได้ที่อีกหรือคร้าบ....
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
27 พ.ย. 2558
นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 3
ย้อนให้เห็นภาพกันหน่อย ไอซิส ISIS ที่เวลานี้กำลังขึ้นแท่น เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของโลก มีที่มาอย่างไร จะได้เข้าใจว่า ไอซิส นี่ เกี่ยวกับกลุ่มกบฏซีเรีย และเกี่ยวพันกับอเมริกาขนาดไหน
เมื่ออเมริกานำกองทัพเข้าไปถล่มซัดดัมในอิรัค กลุ่มที่คอยตอด คอยซุ่มเล่นงานอเมริกาในช่วงปี
ค.ศ.2004 คือ อัลไคด้า สาขาอิรัค (AQI) ที่นำโดย Abu Musab al-Zarkawi กลุ่มนี้มีชื่อว่า เป็นนักรบ โหดเหี้ยม ฆ่าไม่เลือก รวมทั้งฆ่าชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอิสลามสุนนี่ หรือชีอ่ะ พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องการก่อการร้ายแบบพลีชีพ และการฆ่าตัดคอนักโทษ
ความรุนแรงของ AQI ของ al-Zarkawi ก็ทำให้กลุ่มนี้ แตกคอกับ อัลไคด้ากลาง (AQC) AQI บอกไม่มีปัญหา งั้นเราแยกทางกันเดิน al-Zarkawi ไปตั้งกลุ่มใหม่ และชื่อเรียกกลุ่มใหม่ของตัวว่า Islamic State of Iraq (ISI) ต่อมาในปี ค.ศ.2006 มีข่าวว่า al-Zarkawi ถูกอเมริกาเก็บ และ ISI ได้หัวหน้าใหม่ ชื่อ Abu Bakr al-Baghdadi ขึ้นมาแทน น่าสนใจนะครับ
ในปี ค.ศ.2011 ISI ประกาศเป็นนักรบจีฮัด และเตรียมขยายปฏิบัติการไปที่ซีเรีย แต่แล้วก็มีการแตกคอภายในกันอีก ในที่สุด Baghdadi ก็พาพรรคพวกแยกตัวออกมา แล้วเปลี่ยนชื่อกลุ่ม จาก ISI เป็น ISIS ในปี ค.ศ.2012 และย้ายฐานจากอิรัค มาอยู่ซีเรีย และในช่วงนี้ ISIS ดังเป็นพลุแตก ได้สมาชิกใหม่ เป็นหนุ่มอิสลามที่อยู่นอกตะวันออกกลาง หรือจากยุโรป เข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก
ทำไม ISIS หรือ ไอซิส ถึงโด่งดัง และมีอานุภาพรุนแรงนัก เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปที่เรื่องลิเบีย สำหรับท่านที่เคยอ่านนิทาน เรื่องแผนช้่วมาแล้ว ก็ถือว่าอ่านซ้ำ ให้เห็นความจัญไรชัดขึ้น และต่อกับปัจจุบันได้ แบบเห็นภาพเป็นแผ่นเดียวกันนะครับ
เรื่องการไล่ล่ากัดดาฟีของลิเบีย ที่มีซีไอเอ เป็นดารานำแสดงนั้น นิทานเรามีเขียนถึงแล้ว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของความโหดของอเมริกา ได้ในนิทานเรื่องแผนชั่ว ตอนนางสิงห์สั่งฆ่า) แต่ที่เรายังไม่ค่อยรู้กัน คือ เรื่องดารา ที่มารับบทเป็นกบฏลิเบียนั้น นำแสดงโดยกลุ่มนักรบจีฮัด กลุ่มเดียวกับนักรบที่กำลังต่อสู้กับกองทัพของอิรัคในตอนนี้ เรียกว่าสัญญาจ้างยาว ออกหลายฉากกันเลย
เมื่อวันที่กลุ่มกบฏลิเบีย จับตัวกัดดาฟีได้ ด้วยความช่วยเหลือของอเมริกา และนาโต้นั้น ขณะที่กลุ่มกบฏกำลังเชือดกัดดาฟี พวกเขาตะโกนว่า Allah Akbar (อัลเลาะหฺ อัคบาร์) ซึ่งเป็นการประกาศตามปกติของพวกจีฮัด ก่อนฆ่าคนเพื่อพระเจ้า ทำนองนั้น แบบนี้ก็น่าจะมีคนงง อเมริกา นาโต้ เข้าไปไล่ฆ่ากัดดาฟี ด้วยข้อหาเป็นเผด็จการ ส่วนพวกทำการกบฏ ก็น่าจะเป็นพวกต้องการเป็นประชาธิปไตย เอ้า เชือดเผด็จการเสร็จ แล้วดันร้องขอบคุณพระเจ้า พวกจีฮัดนี่ ตกลงต้องการเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน น่างงไหมครับ
หลังจากกัดดาฟีถูกเก็บ คลังอาวุธของกัดดาฟีก็ถูกกวาด หรือขโมยนั่นแหละ จนเกลี้ยง และขนออกมาจากลิเบีย มาที่ซีเรีย ผ่านทางตุรกี ใครนะ ที่คอยรับอาวุธอยู่ที่ซีเรีย... แต่คนที่ดูแลการขนส่งอาวุธ เขาว่าคือ Chris Stevens ทูตอเมริกันประจำลิเบีย ซึ่งดูแลประสานงานเรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ.2011 และในที่สุด ทูต Stevens ก็ถูกฆ่าตายอยู่ในสถานกงสุลอเมริกา ที่เมืองเบงกาซี ลิเบีย เพียง 3 วัน ก่อนหน้าที่อาวุธลิเบียจะถูกส่งมาถึงซีเรีย
นอกเหนือจากทูต Stevens แล้ว ฝ่ายประสานงานเรื่องนี้ คือ ซีไอเอ ตุรกี และกลุ่มกบฏซีเรีย ซึ่งร่วมกันวางแผน และจัดการขนส่ง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นการควักกระเป๋าลงขันร่วมกัน ของโต้โผใหญ่ของฝ่ายสนับสนุนกบฏซีเรีย คือ ซาอุดิอารเบีย การ์ตา จอร์แดน อิสราเอลและตุรกี
หลังจากอาวุธมาถึงซีเรีย ก็เป็นช่วงเดียวกับที่นักรบจีฮัดพากันทะลักเข้ามาในซีเรียด้วย นักรบรุ่นแรกที่เข้ามา ไม่ใช่พวกละอ่อน แต่เป็นระดับหัวหน้า หรือพวกเจนสนามแทบทั้งสิ้น เรื่องนี้ ไม่เป็นความลับ อเมริกาและพวก ที่สนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรีย ก็รู้ดี และเมื่อฝ่ายกบฏซีเรีย ที่มีนักรบจีฮัดมาร่วมด้วย เริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบฝ่ายรัฐบาลอัสสาด และใช้ความรุนแรง มากขึ้น ทางวอชิงตันก็ต้องตอบคำถามมากขึ้น .. ไหนว่าฝ่ายกบฏที่เราสนับสนุน เป็นพวกไม่รุนแรงไง (moderate) ทำไมมีฆ่าตัดคอล่ะ...
วอชิงตันไม่ตอบ และก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร การรบกับรัฐบาลอัสสาด ก็ยังดำเนินต่อไป โดยกลุ่มเดิม และแบบเดิม
Jamal Maarouf ผู้บัญชาการคนหนึ่งของกลุ่มกบฏซีเรีย ให้สัมภาษณ์ เมื่อ เมษายน ค.ศ.2014 ว่า นักรบที่ทางโต้โผใหญ่ส่งมาช่วยรบ คือ กลุ่มอัลไคด้าซีเรีย ซึ่งเรียกชื่อกลุ่มตัวเองว่า Al-Nusra ทางด้าน Al-Nusra ก็ให้ข่าวสอดคล้องกันว่า กลุ่มของตัวมาร่วมกับพวกกบฏซีเรีย เพราะต้องการให้ซีเรียปกครองด้วยกฏของศาสนา Sharia law
แต่ความจริง Al-Nusra กับกลุ่มไอซิส ร่วมมือกันในการปฏิบัติการในซีเรียมาพักใหญ่แล้ว และเดือนมิถุนายน ค.ศ.2014 Al-Nursra ก็ประกาศเป็นทางการ ถึงการรวมกลุ่มกับกลุ่มไอซิส และมีฐานอยู่ทั้งในเขตซีเรีย และอิรัค
แล้ว อเมริกา กับพวกตะวันตก รวมทั้งโต้โผใหญ่ในตะวันออกกลางทั้งหลาย รู้เรื่องนี้ไหม รู้สิ ยิ่งกว่ารู้อีก.....
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 พ.ย. 2558
นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 4
ประมาณเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2013 กลุ่มกบฏซีเรีย เริ่มออกมาส่งเสียงขู่โต้โผใหญ่ และผู้บงการโต้โผใหญ่อีกต่อหนึ่ง ว่าจะเปิดโปงลากไส้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหมด ถ้าไม่ส่งอาวุธเพิ่มเติมให้กลุ่มกบฏภายใน 1 เดือน และใน วันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ.2013 กลุ่มกบฏก็ได้รับอาวุธส่งมาให้ที่เมือง Aleppo เรื่องบังเอิญหรือไง
ตกลงเรื่องรัฐบาลอัสสาดใช้แก๊สซาลินกับประชาชน และเป็นสาเหตุที่ให้อเมริกากับพวก ออกมาโวยถึงความป่าเถื่อนของอัสสาด ก็น่าจะเป็นเรื่องเอาสีป้ายหน้าอัสสาด เพื่อหาผู้สนับสนุนการไล่รัฐบาลอัสสาด เพราะจากการตรวจสอบของรัสเซีย และของสหประชาชาติเอง (ซึ่งน่าจะเอนไปทางอเมริกากับพวก) ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมืออัสสาด
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2014 สื่ออิสราเอลออกข่าวว่า อเมริกาและลูกหาบในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิ อารเบีย จอร์แดน อิสราเอล พากันรวมหัวช่วยพวกกบฏซีเรีย และมีแผนที่จะโจมตีทางใต้ของซีเรีย
อิสราเอลส่งกำลังทหารไปช่วยกลุ่มกบฏหลายเดือนมาแล้ว นอกจากนี้ พวกกบฏซีเรียยังให้สัมภาษณ์อย่างผึ่งผายกับสื่อว่า อเมริกาเป็นผู้ทำการฝึกให้พวกเขา ฝ่ายกบฏบอก ... เราฝึกกันที่การ์ตา มันเป็นการฝึกระดับสูง เพื่อการฆ่าทหารโดยเฉพาะ ไม่ใช่การฝึกธรรมดานะ มันเป็นการฝึกเพื่อฆ่า...
... พวกเขา ฝึกเราถึงวิธีการจู่โจมกองกำลัง หรือทำลายพาหนะของศัตรู ขณะกำลังเคลื่อนที่ และเพื่อตัดขาดจากเส้นทาง... พวกเขาฝึกเราในการโจมตีพาหนะ เพื่อทำลาย หรือยึด รวมทั้งยึดอาวุธ และกระสุน และฆ่าทหาร ทั้งยังรอดจากการโจมตีของเรา....
ตกลงไม่ใช่อเมริกา ไม่รู้เรื่องไอซิสในซีเรีย อเมริกาเป็นผู้ทำการฝึกให้อีกด้วย..แน่จริงพี่
และจากการปฏิบัติการ ตามที่ได้รับการฝึก เดือนมิถุนายน ค.ศ.2014 ไอซิสก็รุกคืบผ่านเขตแดนซีเรีย เข้าไปในเขตของอิรัค และยึดเมืองโมซุล แหล่งน้ำมันของอิรัคเป็นของตัว หลังจากนั้นก็คืบผ่านเมืองต่างๆ จนเกือบเข้าไปถึงเมืองแบกแดด และไอซิสก็ยึดอาวุธ รถฮัมวี่ทั้งหมด รวมทั้งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ รถถัง และปืนใหญ่ จากกองทัพอิรัคได้เป็นจำนวนมาก
หลังจากยึดของได้ ไอซิสก็ออกข่าวโชว์ของเล่นที่ได้มาทางโซเชียลมีเดีย เหมือนตั้งใจจะหยามหน้า หรือเป็นการวางบิลเรียกเก็บเงินก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อเมริกาก็ไม่มีปฏิกริยาอะไร ไม่เสียหน้า ไม่จ่ายเงิน (ให้โลกรู้) และไม่มีการขยับ เพื่อกำจัดไอซิส
เออ แบบนี้ อเมริกาไม่รู้สึกเสียหน้า แต่กับฝ่ายอื่น แองโกลอเมริกัน ไล่บี้ไล่เซิ้งมา100 กว่าปียังไม่เลิก แบบนี้จะให้ชาวบ้านอย่างผมเข้าใจยังไงดี ไอซิสยังรุนแรงไม่พอ หรือไอซิสกระจอกเกินกว่าอเมริกาจะขยับ หรือไอซิสมันเป็นเด็กสร้าง ลูกพี่เลยทำหน้าขรึม ปล่อยให้เด็กมันขนอาวุธของลิเบียไปถล่มซีเรีย หลังจากนั้นก็ไปถล่มอิรัคต่อ แล้วก็ได้อาวุธในอิรัคเพิ่มมาอีก (ก็ของที่ลูกพี่ทิ้งไว้อีกแหละ) เพื่อเตรียม
เอาเข้าไปถล่มที่อื่นอีกต่อ ตามแผน มันอะไรกันแน่
ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ไอ้ตัวแสบ ชบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinski เป็นตัวคิด ตัวจัดการ หาคน และติดอาวุธให้กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ในปากีสถาน และอาฟกานิสถาน ทำคลอดมาเป็นพวกมูจาฮีดีน ที่มีซีไอเอเป็นผู้พี่เลี้ยงทำการฝึกให้ หลังจากนั้น อเมริกาก็ติดอาวุธให้มูจาฮิดีนเต็มเพียบ เพื่อให้ไปสู้กับสหภาพโซเวียต ไม่งั้นโซเวียตมันจะกินตับพวกมึงนะ ในช่วง ค.ศ.1979 มูจาฮีดีนก่อกวน ล่อให้โซเวียตเคลื่อนพลลงมาทางใต้ และในที่สุดโซเวียตก็มา และก็ติดหล่มอยู่ในอาฟกานิสถาน
นับว่ายุทธศาสตร์ของไอ้ตัวแสบ Brzezinski ได้ผล โซเวียตเอาเถิดเจ้าล่อกับมูจาฮีดีนอยู่ 10 ปี จนเหนื่อยแฮก และก็มีนักประวัติศาสตร์การเมืองฝั่งตะวันตกหลายคนบอกว่า นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย
เหตุการณ์ที่ซีเรีย ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น อเมริกาใช้มูจาฮีดีนทำลายโซเวียตเมื่อ 30 ปีก่อนอย่างไร ตอนนี้ก็เหมือนอเมริกาจะใช้ยุทธศาสตร์เดิมกับรัสเซีย แต่เปลี่ยนสถานที่ กับเปลี่ยนตัวล่อ หรือตัวเล่น
อเมริกาคงวางเแผนอย่างน้อยตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 ด้วยการบุกอิรัค ถ้าอเมริกาไม่ปล่อยให้อิรัคเละเป็นซากทั้งเมืองอย่างนี้ เมื่อตอนอเมริกาสำเร็จกิจจากการกำจัดซัดดัมแล้ว กลุ่มนักรบหัวรุนแรงก็ไม่มีรูเข้าไปในอิรัคได้
และถ้าอเมริกาไม่คิดกำจัดอัสสาด โดยส่งเสริมทางกองกำลังให้กับกลุ่มกบฏซีเรีย มันก็ไม่มีรูให้ไอซิสได้อาวุธ และบุกเข้าไปยึดอิรัคในปี ค.ศ.2014 ซึ่งเหมือนเป็นการติดปีกให้ไอซิส บินว่อนถล่มได้ทั้งโลกเช่นเดียวกัน
อเมริกาน่าจะรู้แล้ว อย่างน้อยตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 ว่าอาวุธของกัดดาฟี ที่ลิเบีย ถูกส่งไปให้กลุ่มกบฏซีเรีย
และอเมริกา ก็น่าจะรู้แล้วด้วยว่า ซาลาฟี มุสลิม บราเธอร์ฮูด และ AQI ในอิรัค ก็คือ กองกำลังตัวสำคัญ ในการสนับสนุนการรบของกลุ่มกบฏในซีเรีย
คำถามก็คือ อเมริกาแค่ "รู้" หรือมันเป็น "แผน" ของอเมริกา ที่จะให้พวกนักรบจีฮัด ทำการรบทั้งในซีเรียและอิรัค ที่มีอเมริกาและพรรคพวกที่รวมถึงฝรั่งเศสด้วย ให้การสนับสนุนการรบนั้น
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
29 พ.ย. 2558
นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 5
หลังจากอเมริกาใช้ซีไอเอ ไปปฏิบัติการที่ลิเบีย จนเก็บกัดดาฟีและอาวุธกัดดาฟีไปหมด เรื่องควรจะเงียบ ปิดปากกันให้หมด และชาวบ้านอย่างผม ก็คงจะไม่มีโอกาสเอาเรื่องมาปูดต่อได้ แต่ดันมีคนระดับทูตของอเมริกาถูกฆ่าตายเกี่ยวเนื่องกับปฏิบัติการนี้ แล้วจะปิดปากกันหมดยังไงไหว
เมื่อสตีเวนส์ ทูตอเมริกาประจำลิเบียถูกฆ่า สื่อก็ตามคุ้ย... ตกลงใครฆ่าทูตสตีเวนส์ ....เขาว่าซีไอเอ ฆ่าปิดปากทูตประเทศตัวเอง หรือเพราะทูตรู้เรื่องการขนอาวุธไปให้กบฏซีเรีย ไม่ใช่แค่รู้นะ เป็นคนประสานงานด้วยแน่ะ ... กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ไม่ช่าย..... ทูตถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่าตายต่างหากน่า ....กบฏแตกคอกบ้าบอที่ไหน ก็อเมริกาจ้างมาทั้งนั้น....
ในที่สุดรัฐสภาของอเมริกา แบกหน้าต่อไปไม่ไหว จึงให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน
การสอบสวนเป็นไปอย่างอืดอาด เพราะจำเลยคือซีไอเอ และพยานปากสำคัญคือคุณนายหน้าโหดคลินตัน ผู้ซึ่งกำลังจะเป็นว่าที่ประธานาธิบดีแดนเถื่อนคนต่อไป แบบนี้ ผลการสอบคงออกมายาก
Judicial Watch (JW) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชน มีนักกฏหมายเป็นสมาชิกมากมาย ทนไม่ไหว ยื่นคำร้องต่อศาล ...ข้าแต่ศาลที่เคารพ ประชาชนขอใช้สิทธิตามกฏหมาย เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรเปิดเผยแก่ประชาชนขอรับ เรื่องทูตของเรา ที่ไปถูกฆ่าตายที่เบงกาซี ลิเบีย นี่มันอะไรกันแน่ขอรับ....
แม้คดียังไม่เสร็จสิ้น แต่จากคำร้องของ JW ทำให้ศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานของอเมริกา เปิดเผยข้อมูลหลายรายการ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณที่ลิเบียออกมา ให้ประชาชนรู้ และข้อมูลรายการหนึ่ง แม้จะอยู่ในเรื่องลิเบีย แต่ก็เกี่ยวโยงมาถึงซีเรีย และน่าจะทำให้เรา "เห็น" ไส้เน่าของอเมริกา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ซีเรีย (รวมถึงที่ลิเบีย และอื่นๆ ถ้าเราต่อภาพเป็น)
เอกสารของ US Defense Intelligence Agency (DIA) เป็นหนึ่งในเอกสารมากมายที่ JW ได้มาจากคำสั่งศาล
มีรายงานความเห็นในของ DIA เดือนสิงหาคม ค.ศ.2012 สรุปเรื่องในซีเรีย ส่วนที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจว่า
...กลุ่มซาลาฟี มุสลิมบราเธอร์ฮูด และ AQI เป็นกำลังหลักในการสู้รบของพวกกบฏในซีเรีย
....AQI ซึ่งเป็นผู้เริ่มตั้งรัฐอิสลาม Islamic State และสนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรียตั้งแต่ต้น แต่ความดังมาแผ่วในช่วงปี 2009 และ 2010 ได้กลับขึ้นมามีชื่อเสียงใหม่จากเหตุการณ์กบฏในซีเรีย ทำให้กลุ่มเคร่งศาสนาและกลุ่มชนเผ่าอื่น หันมาให้ความเห็นใจกับพวกกบฏ ขณะเดียวกัน ฝ่ายตะวันตก(อเมริกากับพวก) กลุ่มประเทศแถบอ่าว(ในตะวันออกกลาง) อิสราเอลและตุรกี เป็นผู้ให้การสนับสนุนกับฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ส่วนรัสเซีย จีน และอิหร่าน ให้การสนับสนุนกับรัฐบาลซีเรีย
DIA ยังประเมินไว้ด้วยว่า ISI (Islamic State in iraq) จะประกาศตั้งรัฐอิสลาม Islamic State โดยการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในซีเรียและอิรัค เพื่อโดดเดี่ยวรัฐบาลอัสสาด ซึ่งผู้สนับสนุนฝ่ายต่อต้านอัสสาด ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ส่งผลในการ "ขัดขวาง" การขยายตัวของกลุ่มชีอ่ะ (อิหร่านและอิรัค)
และในที่สุด ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ.2014 Al Baghdadi ก็ประกาศการรวมตัวกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ และ ตั้งกลุ่มISIS ขึ้นมา และตั้งรัฐอิสลาม .. เป็นไปตามที่ผู้สนับสนุนฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลอัสสาดต้องการ เพื่อเป็นการโดดเดี่ยวรัฐบาลอัสสาด...
ถ้าเอกสารของ DIA 7 หน้า ดังกล่าว มันยังมองไม่เห็นชัดว่า ใครสร้างใครสนับสนุนไอซิส ลองมาดูสื่ออื่น โดยเฉพาะสื่อของอเมริกาเอง พูดถึงเรื่องไอซิสบ้าง
New York Times ระบุว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเสนาธิการ วางแผนให้ไอซิสบุกอิรัคจนยึดโมซุล เมืองน้ำมันดกได้ ในปี ค.ศ.2014 คือ นายพล อิบราฮิม อัล- ดูริ Ibrahim al-Douri ซึ่งเป็นมือขวาของซัดดัม
น่าสนใจว่า ในปี ค.ศ.2003 เมื่ออเมริกากำลังไล่ล่าซัดดัม นายพล อัล-ดูริ ถูกขึ้นบัญซี เป็นบุคคลที่ต้องถูก(อเมริกา)เก็บหมายเลข 3 แต่ อัล-ดูริ ก็หนีการล่าของอเมริกาได้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดวงดีอย่างร้ายกาจ หรือ ด้วยการขายนายตัวเองให้กับศัตรู
ในปี ค.ศ.2009 เมื่ออิรัคเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาใหม่ นายพลเดวิด เพทรุส David Petraeus ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ว่า อัล-ดูริอยู่ในซีเรีย แต่รัฐบาลอิรัคบอกว่า อัล-ดูริ อยู่ในการ์ตา อยู่แต่ละที่ น่าสนใจทั้งนั้น แต่ก็แปลก อเมริกาก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ไปจับมาจัดการล่ะครับ ก็ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องการตัวนี่ ....ตกลงมันเป็นเรื่อง บ้อท่า หรือกากี่นั้ง
ปี ค.ศ.2009 อัล-ดูริ ยังไม่ถูกจับ ไม่รู้เพราะอะไรกันแน่ แต่ปี ค.ศ.2014 อัล-ดูริ กลายเป็นผู้นำกองกำลังไอซิส ไปสู้กับกองทัพของอิรัค กองทัพอิรัคสู้ไปถอยไป แล้วไอซิสก็ยึดเมืองโมซุล พร้อมอาวุธของอเมริกันมาจนหมดเกลี้ยง อเมริกาที่ว่าแน่ๆ ไล่บี้ไล่ล่า กัดดาฟี ซัดดัมจนเหลือแต่ชื่อ แต่ อัล-ดูริ คนเดียวอเมริกาจับไม่ได้ แถมปล่อยให้อัล-ดูริ ยึดโมซุลไปหน้าตาเฉย หลังจากนั้น อเมริกาแก้เก้อ เรียกพรรคพวกรวมพลเป็นกองบินร่วม ไปไล่ถล่มไอซิสที่อิรัค เพราะไอซิสแสดงโชว์ฆ่าตัดคอ บ่อย(น้อย)ไปหน่อย บทแบบนี้ ผมว่าคงต้องเปลี่ยนแล้วนะท่านใบตองแห้ง อายแทนว่ะ ไหนๆจะต้มกันแล้ว เอาน้ำซุปยี่ห้อดีกว่านี้ได้ไหม
ที่ทุเรศเหลือเชื่อ 2 อาทิตย์ผ่านไป หลังจากอเมริกาถูกไอซิสปาดหน้า ยึดเอาโมซุล และอาวุธกองพะเนิน รวมทั้งรถราสารพัด ที่อเมริกาขนเอามาให้กองทัพอิรัคไปได้ แต่อเมริกาก็ทำตัวเหมือนทองเก๊ โดนไฟแรงขนาดไหนก็ไม่ร้อน นอกจากออกมาพูดว่า เรามีความเป็นห่วงในสถานการณ์ที่อิรัค และเราจะส่งกองกำลัง 275 นาย เข้าไปดูแลชาวอเมริกันในอิรัค เยี่ยมเลยครับลูกพี่ ทองเก๊จริงๆ
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
29 พ.ย. 2558
หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 6
ตกลงอเมริกาสร้างหรือปล่อยให้มีการสร้างไอซิส ISIS ขึ้นมาทำไม
อเมริกาต้องมีแผนแน่นอน แต่แผนของอเมริกามันขนาดไหนล่ะ กินบริเวณแค่แถวตะวันออกกลาง หรือกินบริเวณไกลไปกว่านั้น......
ลองมาไล่เรียงกันดูว่า มีทฤษฏีอะไรบ้าง ที่ทำให้อเมริกาต้องสร้าง หรือปล่อยให้มีการสร้างไอซิส
ทฤษฏีแรกคือ การแย่งชิงพลังงานในโลก มันเป็นทฤษฏีเก่าใช้กันมานานตั้งแต่สมัยทำสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่น่าจะโบราณตกรุ่นไปแล้ว แต่ทฤษฏีนี้ยังได้ผลอยู่ครับ ตราบใดที่น้ำมันยังมีส่วนเกี่ยวพันกับชีวิตเราเกือบทุกวัน
และเพื่อจะรักษาการเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของตนไว้ อเมริกาจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อที่จะคุมแหล่งพลังงานทั้งโลกไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามคำกล่าวของนายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์
......ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่างๆได้ control oil and you control nations.....
อเมริกามีแหล่งพลังงานของตัวเอง เพียงพอที่จะเลี้ยงประเทศตัวเองไปได้นานหลายปี เช่นเดียวกับรัสเซีย ที่กำลังขึ้นมาท้าทายการเป็นขั้วอำนาจใหม่ในโลกอีกขั้วหนึ่ง ก็มีแหล่งพลังงานเหลือเฟือ แบบนี้อเมริกาก็ต้องเร่งเครื่อง ไม่ให้ใครมาแซง
แต่บริเวณที่ไม่ใช่ของอเมริกา และไม่ใช่ของรัสเซีย ที่มีแหล่งพลังงานมากที่สุดในโลก ที่มีทั้งน้ำมันและแก๊ส หอมหวลชวนให้ครอบครอง หรือควบคุม คงไม่พ้นตะวันออกกลาง (และน้องใหม่ อาฟริกา) และทั้ง 2 บริเวณนี้ ก็คงไม่มีวันสงบสุข
อเมริกา ครอบครองและควบคุมประเทศในแถบตะวันออกกลางไว้แล้วกว่าครึ่ง คือ กลุ่มซาอุดิอารเบีย มี บาห์เรน การ์ตา คูเวต เอมิเรต และจอร์แดน
โอมาน ชาวอ่าวที่น่าจะสังกัดอยู่ในกลุ่มซาอุดิอารเบีย แต่พักหลังดูเหมือนโอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ อย่างน่าสังเกต และแถมมีที่ท่าว่าจะวางตัวเป็นกลาง หรือเอียงไปทางอิหร่านด้วยซ้ำ ท้ายที่สุด เชื่อว่าอเมริกาคงไม่ปล่อยมือจากโอมาน และอีกไม่นาน ความไม่สงบก็คงจะเกิดขึ้นในโอมาน
ส่วนตุรกีนกสองหัว ที่ชอบเล่นเกมเสียว และตอนนี้กำลังได้เสียวสมใจ ถลำลึกลงไปในหลุมที่อเมริกาขุดล่อไว้ ...ต่อไป ยังไม่แน่ว่าจะมีเหลือสักหัวไหม ตอนนี้เหมือนจะต้องนับว่าอยู่ในความควบคุมของอเมริกา แต่เกมยังอีกยาว รอดูกันไปอีกหน่อยนะครับ
สำหรับอิสราเอล คงไม่ต้องบรรยายมาก แม้จะเล่นละครด่ากัน เหน็บกันไปมา กับอเมริกา แก้น้ำลายบูด แต่เชื่อได้เลยว่าอยู่กับอเมริกาเต็มห้าร้อย
ประเทศที่ชัดเจนว่าไม่เอาอเมริกา คือ อิหร่าน ซีเรีย แม้จะจำนวนแค่ 2 ประเทศแต่ปริมาณพลังงานของอิหร่าน บวกกับของซีเรีย ก็ทำให้อเมริกาและพวกตะวันตก น้ำลายหยดเช็ดไม่ทันเหมือนกัน
ประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่จะทำให้อำนาจ และความมั่นคงในตะวันออกกลาง เปลี่ยนแปลงอย่างนึกไม่ถึง คือ ซีเรีย อิรัค เยเมน ปาเลสไตน์และเลบานอน ฝ่ายไหนได้ 5 ประเทศนี้ไป ฝ่ายนั้นได้คุมตะวันออกกลาง เบ็ดเสร็จ
นอกจากนี้ อียิปต์ แม้จะไม่ใช่ชาวตะวันออกกลาง แต่การที่อียิปต์ มีบริเวณตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับซาอุ และ
คุมคลองสุเอซ บวกแหล่งแก๊ส Zohr ที่เพิ่งเจอ ทำให้อียิปต์ ราศีจับจนมีคนอิจฉา และถ้าใครคว้าข้อมืออียิปต์ไว้ได้ ก็เหมือนได้ลาภลอย ถ้าคุยกับอืยิปต์รู้เรื่อง
ถ้าเป็นตามทฤษฏีนี้ ฝ่ายอเมริกาก็คงจะทำทุกอย่าง ที่ให้ได้ ซีเรีย อิรัค เยเมน ปาเลสไตน์ และเลบานอน และเราก็เห็นแล้วว่า ขณะนี้ทั้ง 5 ประเทศ มีการสู้รบ ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างน่าเศร้าใจขนาดไหน ขณะเดียวกัน อิหร่าน ก็คงต้องดิ้นรนอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้ 5 ประเทศนี้ ตกไปอยู่กับฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นแล้ว อิหร่านเอง ก็จะถูกรุมกินโต๊ะ ถึงขนาดสิ้นชาติได้ทีเดียว
อันที่จริงอเมริกา จะปล่อยให้ตะวันออกกลาง ตัดสินใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันเองก็ได้ แต่แบบนั้น มันจะทำให้อเมริกาควบคุมตะวันออกกลางไม่เบ็ดเสร็จ ไม่ได้ควบคุมแหล่งพลังงานทั้งหมดตามแผน อเมริกาจึงใช้วิธี แบ่งแยกและยึด Divide and Conquer โดยอเมริกาจับจุดอ่อนของตะวันออกกลาง เกี่ยวกับเรื่องการแตกแยกทางนิกายศาสนาได้ อเมริกาจึงส่งลิ่ม ชื่อไอซิส เข้ามาตอกย้ำในซีเรียและอิรัค ว่า พวกชีอ่ะต้องการทำลายพวกสุนนี่ในซีเรียและอิรัค และขณะเดียวกัน ก็ให้สุนนี่ซาอุดิอารเบีย รับหน้าที่จัดการเยเมน ที่มีหลายเผ่าพันธ์ ส่วนอิสราเอล รับเรื่องเลบานอน ปาเลสไตน์ไป ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับนิกายศาสนา แต่เป็นเรื่องดินแดน ตามแผนที่อังกฤษวางสนุ๊กไว้ ร้อยกว่าปีมาแล้ว
แต่ แผนแบ่งแยกและยึดตะวันออกกลาง ในความหมายของอเมริกา น่าจะหมายยาวไปกว่าแค่ การยึดได้ตะวันออกกลาง มันคงเป็นตะวันออกกลางแบบ "เอาปั๊ม ไม่เอาคน" ต้มคนตะวันออกกลางอีกต่อ
อเมริการู้ว่า วันหนึ่งน้ำมันในตะวันออกกลางก็จะต้องหมด และบางประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย และหลายประเทศแถวอ่าว ก็ใช้น้ำมันอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเทียบกับอิหร่าน บวกกับประชากรที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และบางประเทศสร้างแต่ตึกสูงแบบเศรษฐีทั้งเมือง กินน้ำมันกันจุแบบนี้ อเมริกาทนไม่ได้หรอก แล้วกูจะเหลืออะไร มันถึงต้องวางแผน เอาแต่ปั๊ม ไม่เอาคน
และเมื่อจะเอาแต่ปั๊มไม่เอาคน มันก็ต้องเป็นการวางแผน ให้ตะวันออกกลางเกิดความอลหม่านวุ่นวายให้มากที่สุด โดยอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยตัวเองน้อยที่สุด ดังนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าสร้างเครื่องมือชื่อ ไอซิส มาเป็นเป้าล่อ ให้คนในถล่มกันเอง ให้ซีเรีย และอิรัคร่วงก่อน
ถ้า ซีเรีย อิรัคใกล้ร่วง อิหร่านก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกโรง เพราะถ้าอิรัค ซีเรียไป อิหร่านก็ไปด้วย และด้วยการวางแผนเช่นนี้ ในที่สุดตะวันออกกลางก็จะเละสมใจอเมริกาและพวก เหลือแต่ปั๊ม (แทบ) ไม่เหลือคน
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 พ.ย. 2558
หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
ตอน 7
ทฤษฏีเอาปั้มไม่เอาคนนั้น อเมริกา อังกฤษ และอิสราเอล (ไอ้สามแสบ) ได้สมคบกันคิดมานานแล้ว และมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ เมื่อประมาณปี ค.ศ.2006 โดยคุณนายคอนโดลีสซ่า ไรซ์ Condoleezza Rice เมื่อตอนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา สมัยคาวบอยบุชเป็นประธานาธิบดี คุณนายคอนโด เป็นหญิงผิวดำ ที่ออกท่าว่ามีการศึกษาสูง เป็นอาจารย์สอนทางรัฐศาสตร์การเมือง ในมหาวิทยาลัยอันดับนำของอเมริกา
คุณนายคอนโดให้สัมภาษณ์กับสื่อ ที่เมืองเทลาวิฟ อิสราเอล เมื่อเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.2006 ในวันทำพิธีเปิดสถานีส่งน้ำมันเส้นทาง Baku-Tbilisi-Ceyhan (BTC)ทางตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน ว่า.....เรากำลังก้าวไปสู่ ตะวันออกกลางใหม่ "New Middle East" ......และคงไม่ใช่การบังเอิญ วันที่คุณนายให้สัมภาษณ์นั้น อิสราเอลกำลังโจมตีเลบานอน
คุณนายคอนโดขยายต่อ .... ที่เรากำลังเห็นอยู่ (การโจมตีเลบานอนของอิสราเอล) .....มันอาจจะเป็นการเริ่มต้น ของตะวันออกกลางใหม่ ก็ได้นะ...และไม่ว่าเรา (อเมริกา) จะดำเนินการอย่างไรต่อไป มันหมายความว่า เราจะผลักดันไปสู่ตะวันออกกลางใหม่ ไม่ใช่ ตะวันออกกลางเดิม....อืม....
แผนสร้างตะวันออกกลางใหม่ New Middle East เป็นแผนที่ปรับปรุงมาจากแผน Greater Middle East Project ที่เป็นการคิดร่วมกันของฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกองทัพ และกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา ในช่วงปี ค.ศ.1996 สมัยท่านประธานาธิบดี คนที่นิยมเด็กฝึกงาน
การให้สัมภาษณ์ของคุณนายคอนโด เป็นการยืนยันข่าวลือว่า อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ได้ร่วมกันวางแผนมาหลายปีแล้ว ที่จะสร้างการจราจลวุ่นวายให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง โดยให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น และขยายตัวตามแนวโค้งของบรรดาประเทศ ที่รายรอบสหภาพโซเวียต...
ค.ศ.1996 Richard Perle และ Douglas Feith 2 ที่ปรึกษาใหญ่ของเพนตากอน ตั้งแต่สมัยบุชตัวพ่อ ได้เสนอแผนยุทธศาสตร์สำหรับอิสราเอลยุคใหม่ ภายใต้การนำของนายเนทันยาฮู ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลหมาดๆ ชื่อแผน A Clean Break: A New Strategy for Securing of the Realm ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่มีการระบุไว้ในแผนของวอชิงตัน ที่เสนอให้มีการกำจัด ซัดดัม ฮุสเซน ของอิรัค การใช้กำลังทหารกับปาเลสไตน์ และการโจมตีซีเรีย และเลบานอน
นายเนทันยาฮู เพิ่งขึ้นมานั่งแท่นนายกใหม่ๆ ยังจับอุณหภูมิไม่ถูก บอกว่าแผนนี้เสี่ยงฉิบหาย ยังไม่ทันไร จะให้กูเล่นเกมหนัก แผน Perle- Feith จึงถูกเก็บเข้าลิ้นชัก
ค.ศ.2001 คาวบอยบุช ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก มาพร้อมกับคำสั่งพ่อให้เปิดลิ้นชัก เอาแผน Perle-Feith ออกมาปัดฝุ่น บอกว่า นี่คือยุทธศาสตร์สำคัญระดับสูงสุดของเรานะลูกรัก แล้วทีมของลูกรัก ก็ทำการปรับปรุงแต่งหน้าแผน และตั้งชื่อแผนเสียใหม่ว่า Greater Middle East Project ส่วน Douglas Feith ก็ได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นรางวัล
Greater Middle East มีฉากหน้า เป็นแผนปฏิรูปตะวันออกกลาง โดยให้ทุกประเทศใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย (ต้มแบบเดิมๆ แต่ก็ยังมีคนเชื่อเหมือนเดิม..เบื่อเขียนจังครับ) แต่ของจริงคือ แผนการควบคุมด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของตะวันออกกลาง รวมทั้งกินไปถึงแนวประเทศต่างๆตั้งแต่โมรอคโค ไปจนถึงเขตแดนของรัสเซียและจีน
ตามแผนนี้ อเมริกา ด้วยความกระหายน้ำมันและเลือดของกลุ่มเหยี่ยว ที่นำโดยคาวบอยบุช
เตรียมแผนที่จะควบคุมแหล่งน้ำมัน รวมไปจนถึง การผลิต การขายน้ำมัน ฯลฯ พร้อมทั้งควบคุมสถาบันการเงินในภูมิภาคทั้งหมดด้วย มันคือแผนกินรวบ หรือยึดตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นอาณานิคมนั่นเอง....
อเมริกาเตรียมจะเสนอแผนการนี้ในที่ประชุม G8 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2004 โดยเรียกเป็นแผนระดับการทำงาน working paper G8-Greater Middle East Partnership เพื่อจัดแถวเรียงคิว
แต่ G8 คือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย อังกฤษ และอเมริกา เอะ ไม่มีประเทศในตะวันออกกลางอยู่ในรายชื่อเลยนี่หว่า เวร กำลังจะถูกเคี้ยว แต่ยังไม่รู้ตัว แถมกำลังเดินจูงกันไปเข้าปากเขา...
บังเอิญมีมือดี ส่งร่างแผนกินรวบนี้ไปให้สื่อ Al-Hayat ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาษา
อารบิกมีเครือข่ายกว้างขวาง ส่งออกไปทั่วภูมิภาค แถมมีบทความในนิตยสาร Le Monde Diplomatique เดือนเมษายน ค.ศ.2004 ลงเพิ่มให้อีกว่า นอกจากประเทศในตะวันออกกลาง ที่จะโดนเคี้ยวแล้ว อาฟกานิสถาน อิหร่าน ปากีสถาน ตุรกี ก็อาจโดนไปด้วย เพราะดันไปเรียงแถวกันอยู่ ตามแนวที่ไม่ไม่เป็นมิตรกับอเมริกาอย่างรุนแรง.....หมายถึงใครนะ ที่ไม่เป็นมิตรกับอเมริกา...
หลังจากแผนกินรวบรั่ว ผู้ที่ออกมาคัดค้านแผนนี้อย่างรุนแรง คือ ประธานาธิบดีมูบารัคของอียิปต์ ตามมาด้วยกษัตริย์อับดุลลา ของซาอุดิอารเบีย คาวบอยบุชจึงสั่งเก็บแผนกินรวบ.... ไว้ชั่วคราวและชื่อของมูบารัค ก็คงถูกกากะบาด ตั้งแต่ตอนนั้น แล้วกษัตริย์อับดุลลาล่ะ ไม่โดนหรือพ่อ รอไปก่อนน่า อย่าเพิ่งใจร้อน ยังต้องเอาไว้ใช้งานอีกแยะ
อันที่จริง อเมริกาและอังกฤษ เริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องประเทศ ที่มีบริเวณอยู่รายรอบสหภาพโซเวียต มานานเกือบ 40 ปีแล้ว ตั้งแต่สหภาพโซเวียตยังอยู่ดี
ในปี ค.ศ.1978 นายชบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinski (เป็นอีกหนึ่งตัวแสบ ที่ผมสะอิดสะเอียนมาก เวลาที่ต้องเขียนถึง) ในฐานะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของท่านประธานาธิบดีถั่ว จิมมี่ คาร์เตอร์ ได้พูดในการบรรยายว่า
.....เราควรให้ความสนใจต่อ " an arc of crisis" หรือ แนวโค้งที่จะสร้างวิกฤติได้ คือ บรรดาประเทศที่เรียงรายและมีบริเวณอยู่ติดกับสหภาพโซเวียต เริ่มตั้งแต่แนวชายฝั่งของมหาสมุทรอินเดีย ไล่มาจนถึงตุรกี ลงใต้มาถึงประเทศที่อยู่แถวแหลมอารเบีย และยาวไปจนถึงปลายแหลมของอาฟริกา....
.....และจุดสำคัญ ที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อของแนวโค้ง คือ อิหร่าน.....
.....แนวโค้งดังกล่าว มีความเปราะบาง ทั้งทางด้านสังคมและการเมือง แต่จะมีความหมายกับอเมริกาอย่างมากมาย......ความวุ่นวายของประเทศในแนวโค้งนั้น ไม่ว่าจะมาจากทางการเมือง หรือสังคม สามารถสร้างความปวดหัวให้กับเรา หรือกับฝ่ายตรงกันข้ามของเราได้อย่างมหาศาล.....
แล้วยุทธศาสตร์ของอเมริกาและอังกฤษ เกี่ยวกับสหภาพโซเวียต ก็มีการเปลี่ยนแปลง เกิดมีแนวความคิดที่จะเอากองกำลังของพวกมุสลิม มาใช้ในการปิดล้อมสหภาพโซเวียต ด้วยการสร้างความวุ่นวายในประเทศตามแนวโค้ง
ทฤษฏีของเบรซินสกี้ ถูกนำไปขยายเป็นแผนยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ.1979 โดย นายเบอร์นาร์ด ลิวอิส Bernard Lewis ชาวอังกฤษ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานข่าวกรอง และเป็นนักประวัติศาสตร์ ผู้ชำนาญโดยเฉพาะในบริเวณตะวันออกกลาง และเอเซียกลาง ตามแผนยุทธศาสตร์นี้ อเมริกาจะสร้างกองกำลังของพวกมุสลิม มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการ "ปิดล้อม"สหภาพโซเวียต และ"ควบคุม" ตะวันออกกลางต่อไปด้วย
ในปี ค.ศ.1992 ลิวอิส เขียนบทความชื่อ "Rethinking the Middle East" (คิดอีกที เรื่องตะวันออกกลาง) ลงในนิตยสาร Foreign Affairs ของถังความคิด Council on Foreign Relations หรือ CFR ที่เป็นเสมือนผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน
ลิวอิส เสนอความเห็นว่า เรา (แองโกลอเมริกัน) ควรมีนโยบายเกี่ยวกับตะวันออกกลางใหม่ เพื่อเป็นการรองรับการสิ้นสุดของสงครามเย็น และเป็นการจัดระเบียบโลกใหม่ สรุปง่ายๆ แบบภาษาแถวบ้านผม แปลว่า ต้องมีแผนดองรัสเซียไว้ในขวดโหลนั่นแหละครับ
ย้อนไปในปี ค.ศ.1982 ผู้สื่อข่าวชาวอิสราเอล ชื่อ โอเด็ด ยีนอน Oded Yinon ก็เขียนบทความชิ้นสำคัญออกมา เป็นบทความที่อเมริกาและอังกฤษให้ความสนใจมาก สรุปว่า การล่มสลายของซีเรีย อิรัค และเลบานอน คือเป้าหมายสำคัญของอิสราเอล อิรัคจะแข็งแรงกว่าซีเรีย ถ้าปล่อยให้อยู่นานไป และนั่นเป็นการคุกคามต่อการเป็นอยู่ของอิสราเอล
ในปี ค.ศ.1996 อเมริกาแจกงาน ให้อิสราเอล ทำหน้าที่ประสานงานใกล้ชิดกับตุรกี และจอร์แดน เผื่อเตรียมแผนปฏิบัติการร่วม ในการเด็ดซัดดัม ให้หลุดออกไปจากขั้วอำนาจในอิรัค
ปี ค.ศ.2000 อเมริกาออกนโยบายที่เรียกว่า Project for the New American Century (PNAC) ศตวรรษใหม่ของอเมริกา จุดประสงค์เพื่อจัดทัพด้านความมั่นคงของอเมริกาเสียใหม่ โดยเฉพาะเพื่อให้ตะวันออกกลางอยู่ในการครอบครอง หรือควบคุมของอเมริกาอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเน้นที่การกำจัด อิรัค และอิหร่าน
และในที่สุด ในปี ค.ศ.2003 อเมริกาก็บุกอิรัคจริง และกำจัดซัดดัมจริง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
หลังจากนั้น แผนหรือโครงการ ตะวันออกกลางใหม่ New Middle East ของ "อเมริกา" ก็เปิดตัว ต่อสาธารณะ ในปี ค.ศ.2006....เฮ้อ...
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
1 ธ.ค. 2558
หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
ภาพประกอบจาก google
ที่มาของข้อมูล นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
ที่มาของข้อมูล นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น