วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หลอน กลางแดด



"หลอน กลางแดด"

เขาว่าเวลาคนเดินทางอยู่กลางทะเลทรายนานๆ จนน้ำเหลือไม่กี่หยด อูฐเริ่มเดินเป๋ โอเอซิส ก็ยังมองไม่เห็น ไปแบบนี้นานๆเข้า เงาแดดมันจะทำให้เกิดภาพหลอน ลวงตา ชาวทะเลทรายกลัวกันนัก ตายกันมาแยะแล้ว เพราะถูกภาพลวงตา หลอนเอา

อมริกา นักล่าใบตองแห้ง อยากได้ตะวันออกกลางจนหน้ามืด เข้าไปยึดพื้นที่เขา เข้าไปต้อนเหยื่อ ขม้ำเหยื่อ วางแผนสาระพัด ก็ยังไม่ได้ตะวันออกกลางเบ็ดเสร็จ แถมตอนนี้ มีคนขยับขา ทำท่าจะเข้ามาเดินเล่นเพิ่ม อังกฤษ ลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไม่เตือนกันไว้บ้าง หรือว่าทะเลทรายมันร้อนจัด ไม่เตรียมตัวให้ดี อาจเจอภาพลวงตาหลอนใส่ แต่สงสัยชาวเกาะ นอกจากไม่เตือนแล้ว คงยังช่วยวางแผน ให้นักล่าหน้าใหม่เจอทีเด็ด กลางแดดร้อนระอุ อย่างที่ตัวเองโดนมาบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้ากัน เพราะลูกพี่ก็เจอฤทธิ์ หลอน มาแล้วทั้งที่ อิหร่านและอียิปต์ ถึงได้หอบผ้าหอบผ่อน เผ่นออกมาจากตะวันออกกลางดื้อๆ หวังว่าคงจำกันได้

แดดมันแรง ผู้คนก็หน้าตาคล้ายกันไปหมด โพกหัวคลุมผ้ามิดชิด จะไปรู้หรือว่าใครเป็นใคร ไหนว่าเป็นนักล่า แต่จมูกไวแค่เต่าคลาน ไม่ต้องเจอภาพลวงตา หลอนกลางแดดหรอก เอาของจริง เล่นกันจะจะ ต่อหน้าต่อตา นักล่ายังถูกหลอนได้ เล่นเอามึนรับประทาน ไปไม่เป็น ตอนนี้ถึงยังปรุงยารักษาตะวันออกกลางไม่เสร็จ

จากรายงานของ ไอ้พวกถังความคิด ที่เขาลือกันว่าเป็นส่วนสำคัญของนักล่า ใบตองแห้ง ในการออกนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง คราวนี้ think tank เบอร์ ใหญ่ของอมริกาเอง Centre for Strategic & Internatinal Studies (CSIS) ที่พวกของเสี่ยใหญ่ซาอุดิ ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน จนถูกสื่อต้ังข้อสังเกต ว่าให้เงินเพื่อมากำกับสูตรยารักษาตะวันออกกลางนั่นแหละ ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2014 เกี่ยวกับทางรอดของ Levant (ตะวันออกกลาง ส่วนที่เป็นแดนเดือดอยู่ขณะนี้)

เงินสนับสนุนจากพวกเสี่ยทะเลทราย มันคงให้เป็นกระสอบ มันถึงช่างสาธยายกันนัก รายงานยาวเกือบ 300 หน้า ผมอ่านด้วยความตื่นเต้นระทึกใจ อยากจะเอามาเล่าสู่กันทั้งหมด แต่กว่าจะเล่าหมด สงสัยเข้าพรรษาหน้าจะจบหรือเปล่าไม่รู้

รายงานเกือบ 300 หน้า แจกแจงถี่ยิบว่า ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ ส่วนที่เรียกว่า Levant (แถม อิยิปต์เข้าไปด้วย แถมทำไม วันนี้ยังไม่เล่า) ใครเป็นพวกใคร ใครเกลียดขี้หน้าใคร ใครทำอะไร ใครคิดอะไร ใครได้เปรียบใคร ใครเสียเปรียบใคร เป็นการวิเคราะห์ โดยเอาข้อมูลมาแสดงประกอบการวิเคราะห์ ทั้งด้านการเมือง ด้านกำลังพล และกำลังอาวุธ ถ้ามันเป็นจริงทั้งหมด ก็เหมือน ตัวละครที่ถูกเอามาวิเคราะห์ โดนจับแก้ผ้ากลางตลาด กลากเกลื้อน หูดฝี มีตรงไหน เห็นเกลี้ยง เออ! เห็นแล้วต้องบอกว่า หลายรายคงจะส่งไปประกวดไม่ไหว แค่งานวัด ไม่รู้จะผ่านเข้ารอบหรือเปล่า

วันนี้ผมขอเอามาเล่าสู่กันฟัง เฉพาะ เรื่องเบาๆ ที่เขาเขียนในรายงาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาวุธครับ แต่เรื่องที่ว่านี้ เขา (คนทำรายงานของ CSIS) บอกว่าอาจจะทำให้เกิดอาการหลอน ได้ทั้งภูมิภาค!
ATGMs เป็นชื่อย่อของ anti/tank guided missiles จรวด สำหรับยิงรถแท๊งค์

MANPADs เป็นชื่อย่อ ของ man-portable air defense systems ระบบยิงจรวด แบบพกพาเคลื่อนที่ได้ แค่เอาพาดบ่า กดปุ่ม แล้วก็ยิง ง่ายๆแค่น้ัน แต่อานุภาพรุนแรง ขนาดยิงเครื่องบิน ที่กำลังบินฉิวอยู่บนฟ้า หล่นตุบลงมาสบายๆ

เมื่อตอนที่นักล่า ขนเอาพวกน้ำดำ Blackwater ประมาณ 6000 คน ค่าตัวหลายพันล้านเหรียญ ไปฝังตัวอยู่ที่ลิเบีย อยู่นาน เพื่อจะเตรียมขยี้กัดดาฟี่ ในปี คศ. 2011 ด้วยข้อหาว่า กัดดาฟี่เป็นทรราช แต่ความจริง น้ำมันลิเบียมีล้น จนนักล่า ทนความอยากไม่ไหวต่างหาก หลังจากจัดการขยี้กัดดาฟี่สำเร็จ ลิเบียแตก นอกจากได้กำจัดกัดดาฟี่สมใจแบบถอนรากถึงลูกรัก และยึดน้ำมันเขามาหมดแล้ว อมริกา นักล่าใบตองแห้ง ยังสั่งให้ลูกสมุนกวาดคลังอาวุธมหาประลัยทรงอานุภาพ ที่กัดดาฟี่ มีสะสมไว้เป็นหลายโกดัง กวาดมาจนเกลี้ยงเกลาอีกด้วย

จากรายงาน ของ CSIS นี้ระบุว่า MANPADs และ ATGMs หลายพันชิ้น จากลิเบีย ได้ถูกบรรทุกลงเรือ เดินทางผ่านอาฟริกา มีที่หมายปลายทางที่เมืองหนึ่งในตะวันออกกลาง ก็น่าจะเป็นตุรกี หรือซีเรียนั่นแหละ แต่ก่อนถึงที่หมาย เรือบรรทุกดังกล่าวได้เกิดสูญหายระหว่างทาง ถูกมือดีที่ไหน ยึดเอาไปไม่ทราบ ผู้ส่งสินค้า แจ้งว่าสินค้าสำคัญทั้งหมด ก็หายไปด้วย ยังดมไม่ได้กลิ่น ว่าใครลักเอาเรือบรรทุกนี้ไป นี่มันแขกเล่นกล หรือโดนภาพลวงตาหลอนกัน รายงานออกมายังงี้ได้ยังไง หรือมันจะหลอนคนอ่าน เรือบรรทุกทั้งลำนะ และน่าจะหลายลำด้วย มันจะหายวับไปกับตายั่งงั้นเชียวหรือ

ถ้าเป็นเรื่องจริง แบบนี้มันเป็น รายการหักหน้า หักหลัง แล้วแถมด้วย ตบกกหูและถมน้ำลายใส่ด้วยซ้ำ แล้วกัดฟันหุบปากเงียบกันอยู่ได้ยังไงต้ัง 3 ปี

สื่อนักย้อมตัวดี ไม่มีใครออกมาแอะสักราย ทีเรื่องเด็กนักเรียนอายุ 17-18 นำคนปิดถนน ละทำข่าวใหญ่โต แล้วเป็นไง อยู่เป็นเอกราช มีรากมีเหง้าดีๆ ไม่ชอบ อยากกลับไปเป็นขี้ข้าฝรั่ง ให้มันปั่นหัวเป็นจิ้งหรีด มีคนถามผมหลายคน ผมบอกอย่าไปสนใจครับ มันแค่ตี๋ตัวน้อยถูกปั่นหัว เล่นละครให้เราดู อาเฮียเขาไม่ปล่อยให้มันบานปลายหรอก ยุ่งมากนักเดี๋ยวเขาก็ปิดเกาะ แล้วไอ้ที่ออกมาประท้วงจะรู้สึก เอ้า นอกเรื่องอีกแล้วลุงนิทาน จริงๆมันไม่นอกนักนะครับ เกี่ยวกันทั้งนั้นแหละ กลับมาเรื่องอาวุธหลอนของเราต่อแล้วกัน

รายงานบอกว่า ไอ้เจ้า MANPADs นี่ไม่ใช่ของใหม่ เคยสำแดงเดชมาแล้ว เมื่อปี คศ. 2003 เครื่องบิน Airbus A 300 เพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินแบกแดด ยังไม่ทันโงหัวต้ังลำ ก็ถูกหัวจรวดจาก MANPAD ทักทายซะปีกหัก นักบินต้องรีบเอาเครื่องลง เป็นเครื่อง ของ European Air transport ใช้ขนส่งให้ DHL เขาว่าเครื่องนี่ยิงนี่แม่นมาก ไม่มีช่องว่างให้พลาดเลย โดยเฉพาะ ถ้าเป้าหมายเป็นเครื่องบิน ชนิดปีกใหญ่ (large fixed wing aircraft) อืม!

แล้วที่ Levant นี้ จะเป็นอย่างไร น่าจะตื่นเต้น ไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ด

ในรายงานบอกว่า เมื่อเดือนเมษายน คศ. 2012 ทางการเลบานอน ยึดเรือบรรทุกสินค้า ชื่อ Leftallah II ซึ่งบรรทุกอาวุธมาเต็มลำ เป็นอาวุธ ชนิด 9M32 Strela-2M (SA-7 Grail) MANPADs และ 9 M342 Igla-S (SA-24 Grinch) surface to air missiles (SAMs) มา โฮ้ย เขียนให้พวกพี่ๆนักรบเขาอ่านเล่น เราๆ จะไปรู้เรื่องอะไร เอาว่า เป็นอาวุธร้ายแรงประเภท จรวดล็อกเป้า ไม่ต้องใช้เครื่องมือมาก แค่มือนิ่ง บ่าแน่น ก็ยิงได้แล้ว อาวุธพวกนี้เดินทางมาจาก ลิเบีย จะไป ซีเรีย

นอกจากนี้ มีรายงานบอกว่า นาย Abdul Basit Harun อ้างว่า เป็นผู้ติดต่อประสานงาน ที่ภูมิใจในผลงานของตนมาก ถึงกับ ให้สัมภาษณ์ Reuters เมื่อ วันที่ 30 มิถุนายน 2013 ว่า เขาเองแหละ เป็นคนจัดการ ส่งสินค้า "พิเศษ" ล๊อตใหญ่นี้ไปซีเรีย ทั้งทางเรือ และทางเครื่องบินเช่าเหมาลำ เพื่อจะส่งไปให้พวกกบฏซีเรีย แต่ถูกประเทศก่อนถึงซีเรียห้ามผ่าน ก็ เลบานอนนั่นแหละ

เออ! แล้ว ตกลงใครเป็นคนให้ส่ง และตกลงสินค้าพิเศษนี่ตกไปอยู่ในมือใคร กันบ้าง รายงาน CSIS ไม่บอกให้ชัด บอกแต่ว่า หาย หาย หาย

นอกจากนี้ รายงานบอกว่า มีการรายงานเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ว่ารายการอาวุธที่ส่งไปซีเรีย มี MANPADs ที่มีเครื่องหมาย สามหลี่ยม พิมพ์เลขหมาย "412" ที่ลิเบียสั่งให้ (อเมริกา) ผลิตส่งให้เป็นพิเศษด้วยอีกมากมาย มันคงพิเศษจริง คนรายงานถึงเขียนอย่างตื่นเต้น

ยังมีรายงานต่ออีกว่า บางรัฐในตะวันออกกลาง ก็เริ่มพยายามแผ่อำนาจของตัว ผ่านกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ที่ตัวเองมีแยะ ขนาด The New York Times รายงานเมื่อ เดือน June 2013 ว่า กาต้าร์ ใช้เครื่องบิน C -17 ขน อาวุธของลิเบีย ไปให้กบฏซีเรีย ถึง 3 เที่ยว โดยขนไปลงที่ตุรกี เพื่อส่งผ่านไปที่ซีเรีย
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การใช้เครื่องบินของอเมริกา ขนส่งอาวุธ เพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบ เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายอเมริกัน แต่ดูเหมือน พวกเสี่ยทะเลทรายรายนี้จะไม่สนใจ เพราะกำลังโชว์ผลงาน เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นลูกรัก แหม คุณพ่อรักอยู่แล้ว ประเทศเล็กพลเมืองน้อย แต่น้ำมันล้นทะลักไม่หยุด ขนาดรายงานของ CIA บอกรายได้ต่อหัวของ

ชาวกาต้าร์ เป็นอันดับ 1 ของโลก แบบนี้ทำอะไรก็ไม่ผิดหรอกลูก

อาวุธของกัดดาฟี่ ไม่ได้ถูกเอาไปใช้ที่ซีเรียเท่าน้ัน รายงานบอกว่ามีการเผื่อแผ่ ไปใช้ที่ที่อียิปต์ด้วย เมื่อปี 2012 โดยกลุ่ม Sheikh Zuweid และล่าสุด มีการใช้เมื่อ 25 มกราคม 2014 โดยกลุ่ม Sunni Jihadi Jamaat Ansar Bayt al-Maqdis มิน่ามันถึงได้พังกันฉิบหายเป็นเมืองๆ

CSIS บอกว่า ทั้งฝ่ายอเมริกา และ ฝ่ายอิหร่าน น่าจะ ให้ความสนใจเรื่องนี้มากๆ เพราะ ต่างก็สามารถ ตกเป็นเป้าของ MANPADs ได้พอๆกัน เพราะไม่รู้ว่า อาวุธนี้ตกอยู่ในมือใครบ้าง เอะ เขียนแบบนี้ มันมองได้หลายมุม แต่ที่ต้องรู้กันคือ MANPADs นี้ สามารถ ยิงเครื่องบิน ที่บินระดับ 10,000 ถึง 15,000 ฟุต ให้หล่นตุบ ได้อย่างสบายๆ และเครื่องบิน ที่บินกันว่อนอยู่ ระหว่าง อิยิปต์ อิหร่าน อืรัก อิสราเอล จอร์แดน ซาอุดิ อารเบีย ซีเรีย ตุรกี ก็ใช้เพดานบินระดับนี้ทั้งน้ันแหละ

ตกลงเรื่อง ทูต Stevens ทูตอเมริกัน ประจำลิเบีย ที่มีข่าวว่าถูกมุสลิมหัวรุนแรงฆ่าตายที่ Benghazi เมื่อ ปี คศ.2012 แต่ลือกันว่า ของจริงน่าจะถูกพวกเดียวกันเก็บกันเอง เพราะทูตเป็นคนกลางที่ติดต่อเรื่องขนอาวุธ จากลิเบียไปตุรกี เพื่อส่งต่อไปที่ ซีเรีย ในปี คศ.2011 ทำท่าจะไม่ใช่เป็นแค่ข่าวลือเสียแล้ว แม้เรื่องนี้จะผ่านมาแล้ว แต่น่าจะต่อกับเรื่องปัจจุบันได้ดี พวกนักล่าใบตองแห้ง เล่าไปเล่ามา จะแฉแผลกันเอง ใครลืมเรื่องทูต Stevens หรืออ่านแล้วขาดลอย เชิญเอานิทานเรื่อง Chateau Christophe มาอ่านหน่อยนะครับ จะได้เห็นความชั่วช้า เหี้ยมโหด ของไอ้นักล่าชัดเจนขึ้น

แต่ที่น่าสนใจ มันเกี่ยวกันไหม ที่จนบัดนี้การปรุงยากำจัดการ แพร่ขยายของ หน่อ ISIS ที่อิรัก และซีเรีย ถึงยังไม่คืบหน้า แถมดูเหมือนจะถอยหลัง นักล่า กับพวกเสี่ยทะเลทราย บวกกับ ลูกพี่ชาวเกาะ และเพื่อน ไม่กี่หน่วย ออกมาประกาศ เราจะถล่ม ISIS นี้ทางอากาศ (ซึ่งเข้าใจว่าใช้เครื่องบินชนิด ควบคุมด้วยเครื่อง (drone) เป็นส่วนใหญ่ ) ต้ังแต่ 23 กันยายน 2014 แต่ล่าสุด สื่อฝรั่งบอก ISIS กำลังคืบเข้าไปชิงเมืองสำคัญในอิรักได้เพิ่มขึ้นอีก (เรื่อยๆ) ส่วนเรื่องกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังหา อาสาสมัคร ยังไม่มีข่าวคืบ

ถ้าเรือบรรทุกอาวูธที่ว่านี้ หายตัวไปจริง ต้ัง 3 ปี แล้ว อเมริกาน่าจะรู้แล้ว และรู้มานานแล้วว่า ใครเป็นคนฉกไปจากปากอเมริกา แต่คงน้ำท่วมเลยปากไปแล้ว จนพูดไม่ออก

แต่ถ้าเรื่องอาวุธหายตัวได้ เป็นเรื่องที่อเมริกา คิด หลอน คนตะวันออกกลางเอง หนังเรื่องนี้คงเล่นยาว และอาจได้ดูกันทั้งโลก

เลบานอน อยู่ฝ่ายไหน ตุรกีกำลังออกอาการอย่างไร คนอ่านนิทานกันมาถึงเดี๋ยวนี้ น่าจะเดาเรื่องกันได้
MANPADs 1 ลูก ยิงเครื่องบินตกได้1 ลำ นี่หายไปเป็นพันๆ ลูก ก็คิดเอาเองแล้วกัน เกมส์มันจะตื่นเต้นเร้าใจกันขนาดไหน ใครจะออกกระบวนท่าอย่างไร ไม่ตามดูไม่ได้ อีกไม่นานก็คงรู้ว่าใครถูกหลอนกันแน่
วันนี้เล่าเรื่องเบาๆแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วจะมาเล่า เรื่อง หลอน ตอนอื่น ต่อ

สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ตุลาคม 2557

ที่มาของข้อมูล
https://www.facebook.com/688258957869254/photos/a.712149392146877.1073741828.688258957869254/922194054475742/?type=3