วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทาน...ไอ้ชาติคน




เรื่องนี้เล่าสืบกันมาแต่โบราณว่า...
กาลครั้งหนึ่ง..มีสุนัขสองแม่ลูกพากันเดินไปที่วัด ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าช้าที่ทิ้งศพ ขณะนั้นได้เห็นศพ ๆ หนึ่งขึ้นอืดอยู่ข้างทาง สองแม่ลูกหยุดดู ลูกหมาเกิดนึกใคร่จะได้ลิ้มรสศพ จึงกล่าวกับแม่ว่า
“แม่จ๋า ให้ลูกกินลูกนัยน์ตาของศพนี้เสียก่อนเถอะ แล้วเราค่อยไปกัน” 


แม่หมาเองกำลังยืนพิจารณาซากศพด้วยสังเวช เมื่อได้ยินลูกกล่าวดังนั้นก็ถึงกับสะดุ้ง ท้วงขึ้นทันทีว่า
“อย่า ! อย่าเชียวนะลูกไอ้ลูกนัยน์ตาของคนนี่หละมันชั่วช้าสิ้นดี มีแต่จะสอดส่องส่ายมองหาแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ สิ่งที่เป็นอัปมงคล ภาพยนตร์ ละคร ดนตรี มีแต่จองเอา ๆ จนจิตใจฟุ้งซ่าน เจ้าขืนกินเข้าไปซิ จิตของเจ้าจะทราม ?” 


ลูกหมาได้ยินดังนั้น ก็เปลี่ยนมาวิงวอนแม่อีกว่า
“ถ้าเช่นนั้นให้ลูกกินหูมันเถอะ” 


แม่หมารีบสวนขึ้นทันได้ว่า 
“ถึงหูก็ดีเสียเมื่อไหร่ล่ะ มันเฝ้าแต่จะเงี่ยฟังเสียงประจบสอพลอ เสียงดนตรีที่แสนจะแสบแก้วหูเสียงอุบาทว์ที่ยั่วยุกามารมณ์ส่วนคำสอนรสพระธรรมนั้น เขาไม่ยอมให้ลอดเข้าหูไป อย่าเลยลูก ?” 
ลูกหมาไม่สิ้นพยายาม กล่าวว่า
“ถ้าอย่างนั้น ให้ลูกกินจมูกมันก็แล้วกัน”


แม่หมาขึ้นเสียง 
“ก็อีกนั้นหละ ! ไอ้จมูกของมันชอบแต่จะสูดดมกลิ่นที่เป็นต้นเหตุแห่งความใคร่ กลิ่นธูปควันเทียนอันเป็นสัญลักษณ์ทางธรรมเสียอีก ไม่ยักมีใครใฝ่หา ชั่วสิ้นดี อย่าเลยลูก" 


ได้ยินดังนั้น ลูกหมาก็วอนต่อไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นลูกขอกินลิ้นมันนะ” 


แม่หมาขัดขึ้นอีกว่า 
“ลิ้นนั่นหรือ ก็เลวร้ายพอ ๆ กัน มันมีแต่จะตวัดไปตวัดมาด้วยความสับปลับปลิ้นปล้อน โกหกมกเท็จสิ้นดี” 


ลูกหมาจึงว่า
“ถ้าอย่างนั้นกินมือมันดีกว่า” 


แม่หมาร้องดังขึ้นอีกว่า 
“มือก็ใช่จะดีเสียเมื่อไหร่ล่ะ มันชอบแต่จะหยิบฉวยเอาสิ่งของของคนอื่นด้วยการลักขโมย ตบโน่นตีนี่แม้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ก็ใช่มือประทุษร้ายได้” 


ลูกหมาพยายามเปลี่ยนความตั้งใจว่า
“ถ้างั้นลูกกัดกินเท้ามันเถอะ” 


แม่หมาปรามอีกว่า “ตีนคนก็อีกนั้นหละ มันมีแต่จะเยื้องย่างเข้าทางอุบายมุข หรือย่องหนักย่องเบา ไอ้ที่เต้นแร้งเต้นกาสะบัดเร่า ๆ ไปมาจนไม่รู้ว่าลิงหรือคน นั่นก็มิใช่ตีนดอกหรือ ? อย่าดีกว่าลูก 


ลูกหมาอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้าย
“งั้นลูกกินหัวใจมันก็แล้วกัน” 


แม่หมาได้ยินดังนั้น ตกใจร้องเสียงหลงตวาดว่า
“อย่านะ อย่าเป็นอันขาด หัวใจนั่นมันร้ายเสียยิ่งกว่าอะไรหมดมันเต็มอักอยู่ด้วยโทสะ โมหะ เต็มอัดไปด้วยความโลภความเห็นแก่ตัว มีแต่มุ่งกอบโกยเอา ไม่รู้จักพอไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของผู้อื่น อิจฉาริษยาพยาบาท อาฆาตมุ่งร้ายต่อกัน ชั่วสิ้นดี เจ้ากินเข้าไปซิ เจ้าจะเสียศักดิ์ศรีแห่งตระกูล” 


ได้ยินแม่ว่าดังนั้น สุนัขน้อยก็ถ่มน้ำลายรดศพนั้นพลางสะบัดหน้าชวนแม่ให้รีบ ๆ เดินต่อไป พร้อมกับรำพึงในใจว่า
“โธ่เอ๋ย ช่างไม่มีอะไรดีเลยนะ......ถุย ไอ้ชาติคน..!”