วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หน่วย เอสเอ (SA) จุดเริ่มต้นแห่งนาซีเยอรมัน



[เรื่องราวของ : หน่วย เอสเอ (SA)".. จุดเริ่มต้นแห่งนาซีเยอรมัน]

.. หลายคนคงจะคุ้นตากับภาพนายทหารเยอรมันในชุดสีเข้ม ที่ดูเนี้ยบและเท่ ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไรก็จะได้รับความยำเกรงและเกรงอกเกรงใจ และดูเหมือนจะมีอภิสิทธิ์ เหนือคนทั่วไป หรือแม้แต่ทหารด้วยกันเองอย่างเห็นได้ชัด งั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักที่มาก่อนที่จะเป็นหน่วยทหารที่เรียกว่า หน่วยเอสเอส ที่ก่อตั้งในปี 1923 เพื่อจุดประสงค์เป็นองครักษ์ประจำตัวของฮิตเลอร์ แทนหน่วยก่อนหน้าที่เรียกว่า หน่วยเอสเอ ครับ..

.. โดยหน่วยเอสเอ (SA) "Sturm-Abteilung" หรือ "Strom –trooper" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งหน่วย SA เดิมนี้ เป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ อดีตหน่วยเสรีเยอรมัน มี "เออร์เนสต์ โรห์ม" (Ernst Rohm) เป็น ผบ.หน่วย

.. หน่วยเอสเอนี้ เป็นกองกำลังติดอาวุธ หรือ paramilitary ของพรรคนาซีที่เอามาใช้ข่มขู่พวกที่ต่อต้านนาซีตอนก่อนฮิตเลอร์รวบอำนาจ โดยเฉพาะพวกคอมมิวนิสต์ และพวกเสรีนิยม (ตอนนั้น เยอร์มันถูกจำกัดขนาดกองทัพโดยสนธิสัญญาแวร์ซาย ทำให้นาซีเลี่ยงบาลีไปใช้กองกำลัง paramilitary แทน ประมาณบ้านเราใช้ ตชด. หรือไม่ก็อาสาสมัครทหารพรานไปคุมชายแดนแทนทหารประจำการนั่นแหละครับ)

.. โดยในห้วงเวลาที่ฮิตเลอร์และพลพรรคนาซีเริ่มจะกระโจนเข้าสู่แวดวงการเมืองใหม่ๆ นั้น พวกเขาได้มีนโยบายจัดหา "กองกำลังองครักษ์" เพื่อใช้ในการดำเนินการด้านต่างๆ และคุ้มครองบุคคลสำคัญของพรรคนาซี ดังนั้น ผู้กองเออร์เนสต์ โรหม์ ซึ่งเป็นนายทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับฮิตเลอร์ เป็นที่ปรึกษาสำคัญๆ มาตั้งแต่ต้น จึงได้รับความไว้วางใจให้ทำการคัดเลือกคนหนุ่มมาฝึกให้กลายเป็นกองกำลัง "SA" ซึ่งจะกลายเป็นมือเท้าที่สำคัญของพรรคนาซีนั่นเอง

.. สมาชิกของกองกำลัง SA ในช่วงแรกๆ นั้น หลายคนมักเคยเป็นทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่1 และเคยประจำอยู่หน่วยสตอร์มทรูปเปอร์มาก่อน (ภาษาเยอรมันอ่านว่า "สตวมอับไทลุงค์") ซึ่งถ้าจะว่ากันแล้วพวก "สตวมอับไทลุงค์" ก็มีฐานะและรูปแบบไม่ต่างจากกองกำลังทหารประจำการดีๆ นั่นเองครับ

.. ซึ่งต้องบอกก่อนเผื่อสับสนนะครับว่า "กองพันพายุ" ที่เยอรมันนำมาใช้ในสงครามสนามเพลาะตอนปลายสงครามโลกครั้งแรก กับหน่วย SA ของพรรคนาซีนั้น เป็นคนละหน่วยกัน และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันแต่ประการใด และสมาชิก SA ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเคยสังกัดกองพันพายุที่รบตอนปลายสงครามมาก่อนเสมอไปนะครับ เพราะมีทั้งการคัดเลือกเอาคนเก่งๆ สมัยใหม่ด้วย

.. ซึ่งกล่าวได้ว่า หน่วย SA นั้นอาจจะเป็นบันไดสู่การเถลิงอำนาจของฮิตเลอร์ในยุคแรกๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ SA นั้นนอกจากพิทักษ์พรรคนาซีแล้ว ยังคอยกำจัดปั่นป่วนก่อกวนพลพรรคคอมมิวนิสต์และชาวยิวในเยอรมัน รวมทั้งยังกำจัดเสี้ยนหนามที่สำคัญของฮิตเลอร์ด้วย แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติในปี 1923 และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฮิตเลอร์แลพรรคนาซี สมาชิกพรรคในระดับต่างๆ จึงต้องหลบหนีกระจายออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง

.. กระทั่งฮิตเลอร์ได้หวนกลับมายังเวทีการเมืองอีกหลังติดคุกอยู่ 9 เดือน เขาจึงตั้งกองกำลัง SA ขึ้นมาอีกครั้ง และเชิญ "โรหม์" ให้มาเป็นผู้นำของ SA อีก ซึ่งคราวนี้โรหม์ยังได้ชักชวนนายทหารในกองทัพเยอรมันจำนวนมากที่เป็นสหายของตนมาร่วมในหน่วย SA นี้ด้วย และนั่นจึงทำให้ตั้งแต่ปี 1929-1933 เป็นต้นมา กองกำลัง SA ขยายตัวมากขึ้น จนมีกำลังพลเป็นล้านนาย นับว่ามีขนาดใหญ่โตกว่ากองทัพบกเยอรมันในยุคนั้นเสียอีก (ตอนนั้นเยอรมันโดนจำกัดขนาดกองทัพด้วย "สนธิสัญญาแวร์ซาย" ครับ จึงทำให้มีกำลังทหารประจำการได้ไม่เกิน 1 แสนคน)

.. และในช่วงที่ฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีฮินเด็นเบิร์ก นั้นพลพรรค SA เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การนำของ "เออร์เนส โรหม์" ที่สนิทชิดเชื้อกับ "ฮิตเลอร์" มากถึงขนาดที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในบุคคลเพียงสองคนของพรรคนาซี ที่สามารถเรียกชื่อ "ฮิตเลอร์" ได้ตรงๆ โดยไม่ต้องใช้คำแทนว่า "ท่านฟือเรอห์" (อีกคนหนึ่งคือ "เฮอร์มาน เกอริ่ง" เสืออากาศแห่งกองทัพเยอรมัน ซึ่งร่วมหัวหกก้นขวิดกับ "ฮิตเลอร์" และ "โรหม์" มาตั้งแต่ต้นเช่นกัน)

.. จนในเดือน เม.ย. 1934 สุขภาพของประธานาธิบดีฮินเดนเบอร์ก ประธานาธิบดีเยอรมันในขณะนั้นไม่สู้ดีนัก เขาเสียชีวิตในวันที่ 2 สิงหาคม 1934 สามชั่วโมงหลังจากนั้นฮิตเลอร์จึงได้ประกาศรวมตำแหน่งประธานาธิบดีและและนายกรัฐมนตรี (บางทีเรียกว่าอัครมหาเสนาบดี) เข้าด้วยกัน และตั้งตัวเองเป็นประมุขของรัฐและผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือที่เรียกว่าท่านผู้นำ และแล้วเยอรมันก็ก้าวเข้าสู่ความเป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

.. ฮิตเลอร์และพรรคนาซีได้ก้าวเข้ามามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเยอรมนี และเริ่มใช้นโยบายอันโหดเหี้ยมในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเหตุการณ์ที่โด่งดังและกลายเป็นประวัติศาสตร์ก็คือ การเผารัฐสภาเยอรมัน (ไรสท์ตาก) และช่วงเหตุการณ์ "Night of the Long Knives" (เหตุการณ์คืนแห่งมีดยาว) ที่ทางหน่วย "SS" และ "เกสตาโป" ได้ออกทำการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามของพรรคนาซี และสังหารหรือจับกุมผู้นำสำคัญของหน่วย SA ด้วย แม้กระทั่ง "เออร์เนสต์ โรหม์" ที่เป็นผู้นำของ SA เองก็ถูกจับด้วยขณะกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักตากอากาศพร้อมกับหนุ่มคู่ขา (โรห์มเป็นเกย์ครับ)

.. ซึ่งเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า ทำไม "ฮิตเลอร์" ถึงต้องกำจัด "เออร์เนสต์ โรหม์" และยุบพลพรรค SA ทิ้งไป ทั้งๆ ที่ SA ก็เป็นกองกำลังที่ทำงานรับใช้เป็นมือเป็นขามาให้ฮิตเลอร์มาเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น จนอาจกล่าวได้ว่าถ้าขาดซึ่งทหารจากกองพันพายุของหน่วยเอสเอแล้ว ฮิตเลอร์อาจจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของเยอรมันได้โดยง่ายดายนัก

.. โดยสาเหตุจริงๆ นั้นก็คือ ในห้วงเวลาดังกล่าวกองกำลัง SA มีบทบาทเด่นมากในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมัน และเป็นกองกำลังที่มีลักษณะการฝึกฝนเหมือนกับกองทัพทุกประการ จึงทำให้เกิดการแอนตี้กองกำลัง SA จากฝ่าย "กองทัพบก" ทันทีที่ฮิตเลอร์เริ่มขึ้นมามีอำนาจ และฮิตเลอร์เองก็รู้ดีว่าการจะสร้างฐานอำนาจให้เข้มแข็งนั้นจำต้องมี "กองทัพบกเยอรมัน" หนุนหลัง ประกอบกับการที่ "โรหม์" ได้มาขอให้ฮิตเลอร์ทำการผนวกกองกำลัง SA เข้าไปกับกองทัพบกและมอบอำนาจทางการทหารสูงสุดให้เขา

.. ซึ่งฮิตเลอร์และที่ปรึกษาทุกคนต่างไม่มีใครเห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าถ้า SA ถูกผนวกเข้ากับกองทัพบกเมื่อไหร่ มันจะสร้างความไม่พอใจให้แก่บรรดานายทหารระดับสูงในกองทัพทันที อีกทั้งฮิตเลอร์แลที่ปรึกษายังมองว่า SA เป็นกองกำลังทหารยุคเก่าซึ่งคร่ำครึล้าสมัยแลยังยึดมั่นอยู่กับยุทธวิธีแบบเดิมๆ ดังนั้นถ้าให้ SA กลายเป็นกองกำลังหลักของประเทศก็คงจะก่อให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพขึ้นในกองทัพแน่นอน

.. ดังนั้นก่อนที่จะเกิด "เหตุการณ์กวาดล้างในคืนแห่งมีดยาว" ฮิตเลอร์จึงได้เรียก "โรหม์" มาปรึกษาในฐานะเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานมนาน โดยฮิตเลอร์ได้ขอร้องให้โรหม์ยุบกองกำลัง SA ลงและถอนตัวออกไปจากแวดวงการทหารเสีย ซึ่งข้อนั้น "โรหม์" ยอมรับไม่ได้ เพราะเขาได้ลั่นวาจาไปกับบรรดานายทหารของเขาแล้วว่า SA จะต้องเป็นกองกำลังหลักของประเทศ

.. นั่นจึงทำให้เกิดข่าวลือที่ว่าทั้งคู่เกิดความขัดแย้งจน "โรหม์" แอบทำการคัดเลือกทหาร SA มือดีไว้เพื่อกระทำภารกิจสังหารฮิตเลอร์ จนในที่สุดเหตุการณ์จึงบานปลายไปสู่ช่วง "การกวาดล้างในคืนแห่งมีด" ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของหน่วย SA นั่นเอง

.. เพราะในช่วงนั้น storm trooper หรือ หน่วยเอสเอ แข็งแกร่งมาก จนเริ่มเป็นเสี้ยนหนามต่อฮิตเลอร์เอง ทำให้ภายหลังฮิตเลอร์เลยจัดตั้งหน่วย SS เป็นกองกำลังที่ขึ้นตรงต่อฮิตเลอร์ กับ Gestapo กองตำรวจลับ เพื่อใช้เป็นแขนขา และหลังจากฮิตเลอร์ได้เป็นท่านผู้นำ มีอำนาจเต็มที่่ ก็เลยใช้หน่วย SS กับ gestapo สลายหน่วย SA นี้ซะ โดยการฆ่าทิ้ง จับขัง แล้วให้ SS กับ gestapo หรือหน่วยตำรวจลับนาซี ให้มีอำนาจขึ้นมาแทน

.. แม้กระทั่งตอนที่ "เออร์เนส โรหม์" ถูกทหารเอสเอสจับคุมขังคุกแล้ว ฮิตเลอร์เองก็ยังตัดสินใจไม่ขาดว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนายทหารผู้ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่า และฝ่าฝันความยากลำบากมาด้วยกัน ถึงขนาดที่ "โจเซฟ เกบเบิ้ล" ที่ปรึกษาคนสนิทของฮิตเลอร์ ต้องเข้าไปขอคำอนุมัติจากฮิตเลอร์อยู่หลายครั้งทีเดียว ว่าจะดำเนินการเช่นใดกับ "โรหม์" ที่ถูกทหารเอสเอสจับกุมอยู่ (ตอนเอสเอสบุกเข้าไปจับตัวโรห์มที่บ้านพักตากอากาศนั้น ฮิตเลอร์เองก็เดินทางไปพร้อมกับทหารเอสเอสหน่วยนี้ด้วยครับ)

.. ซึ่งกองกำลังป้องกันดังกล่าวก็ตั้งขึ้น เพื่อปกป้องกันคุ้มกันตัวฮิตเลอร์หรือท่านผู้นำ โดยเป็นทั้งกำลังอารักขา และใช้เป็นฐานอำนาจในการก้าวสู่อำนาจทางการเมืองและทางทหารของฮิตเลอร์ เนื่องจากช่วงแรกของการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของฮิตแลอร์นั้น ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเยอรมนีอย่างเต็มที่ ซึ่งตัวฮิตเลอร์ เองก็ไม่ได้ไว้วางใจกองทัพเยอรมันว่า จงรักภักดีกับเขาอย่างเต็มที่หรือไม่

.. ย้อนไปตอนที่ฮิตเลอร์และพลพรรคนาซีของเขาพยายามทำการปฏิวัติแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกจับพร้อมกับพรรคพวกของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ Munich Putch เขาถูกจำคุก ด้วยโทษ 5 ปี แต่จริงๆ เขาถูกจำคุกเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้น หนังสือพิมพ์ต่างตีพิมพ์คำให้การ คำสัมภาษณ์ของเขา ที่ต้องการฟื้นฟูประเทศเยอรมัน ระหว่างที่ติดคุก เขาเขียนหนังสือชื่อ "การต่อสู้ของข้าพเจ้า" (Mein Kampf) ด้วย

.. โดยความพ่ายแพ้ของเขาในครั้งนั้น กลับทำให้เขาได้รับความนิยมมากขึ้นในเดือน พ.ค. 1927 ถึง 1928 ฮิตเลอร์ถูกห้ามกล่าวคำปราศรัยในที่สาธารณะ และในปี 1928 นี่เองที่ฮิตเลอร์เช่าวิลล่าที่ Obersalzberg ที่นี่เขาได้พบกับ Angela Raubal ซึ่งเข้ามาในฐานะแม่บ้าน ฮิตเลอร์ตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่งกับเธอ บางทีอาจจะเป็นครั้งเดียวที่เขาตกหลุมรักในชีวิตของเขาทั้งชีวิต

.. และตอนที่พรรคนาซีเริ่มได้รับความนิยมอีกครั้ง จากการนำทางของ "Gregor Strasser" ผู้ร่วมงานของฮิตเลอร์ ในขณะเดียวกันตอนนั้น "เออร์เนส โรห์ม" คนสนิทของฮิตเลอร์ ก็มีกองกำลัง SA หรือ "สตุมอับไทลุง" ที่ใช้เพื่อเป็นกองกำลังส่วนตัวของฮิตเลอร์ แต่ฮิตเลอร์เห็นว่า โรห์มเริ่มทำตัวเป็นเอกเทศ และมีทีท่าว่าจะไม่สามารถควบคุมได้ และกองกำลัง SA ก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังโรห์ม มากกว่าฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์จึงได้ตั้ง ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ นักธุรกิจที่ร่างกายอ่อนแอและล้มเหลวอีกทั้งเป็นนักเพ้อฝัน ให้จัดตั้งกองกำลังเอส เอส SS ขึ้นนั่นเอง

.. โดยกองกำลังเอส เอส นี้ได้ถูกฝึกขึ้นมาเพื่อให้จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์อย่างปราศจากคำถามใดๆทั้งสิ้น และฮิตเลอร์เองเขาก็ภูมิใจในหน่วยเอสเอสนี้เป็นอย่างมากด้วย

.. อีกทั้งหน่วยเอสเอสนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นกองทหารประจำตัวของฮิตเลอร์ก็ว่าได้ ซึ่งทำการคัดเลือกมาจากชายสายเลือดเยอรมันพันธุ์แท้ แบบพวกอารยัน สูงอย่างน้อย 180 ซ.ม. กำลังพลของเอสเอสจะได้รับการอบรม ปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อผู้นำของเขาอย่างเหนียวแน่น และปราศจากการตั้งคำถามสงสัยใดๆทั้งสิ้น ได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก และถูกปลูกฝังอุดมการณ์ของนาซี ถูกปลูกฝังแนวความคิดเรื่องความเป็นเลิศของชนชาติอารยัน เพื่อการสร้างชาติไปสู่อาณาจักรไรซ์ที่ 3 นั่นเอง

.. จนในที่สุด ฮิตเลอร์ก็ตัดสินใจทำลายหน่วย SA ในวันที่ 6 มิ.ย. 1934 ณ โรงแรม Tegernsee 50 ไมล์จากมิวนิค โรห์มพร้อมกับเด็กหนุ่มคู่ขาของเขา ฮิตเลอร์อ้างว่าโรห์มเป็นเกย์ และใช้ SA ในการหาเด็กหนุ่มมาเป็นคู่ขา จึงถูกจับ และทหารเอสเอส ได้รับคำสั่งจากฮิตเลอร์ให้ยื่นโอกาสแห่งเกียรติยศด้วยการฆ่าตัวตายกับโรห์ม ทหารเอสเอส วางปืนให้เขา แล้วออกมา

.. เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที โดยที่ไม่มีเสียงปืน ทหารเอส เอส จึงเดินเข้า แล้วจ่อยิงโรห์มจนเสียชีวิต พร้อมกันนั้นหัวหน้าระดับสูงของ SA คนอื่นๆ ก็ถูกจับตัว บ้างถูกขัง บ้างถูกสังหารโดยทหารเอสเอส ซึ่งเริ่มก้าวขึ้นมาแทนกองกำลัง SA

.. ว่ากันว่าตอนที่ฮิตเลอร์มีคำสั่งให้เอาปืนลูเกอร์บรรจุกระสุนเต็มแม็กยื่นให้ "โรหม์" โดยหวังว่าเขาจะยิงตัวตายในคุกแบบชายชาติทหาร แต่จนแล้วจนรอดผโรหม์ก็ไม่ยอมแตะต้องปืนดังกล่าว จนในที่สุด "ทหารเอสเอส" จึงต้องเข้ามาในห้องขังและชักปืนยิงใส่ "โรหม์" หลายนัดจนสิ้นใจ โดยก่อนที่จะถูกยิงนั้นมีการบันทึกว่า "เออร์เนสต์ โรหม์" ได้ลุกขึ้นมายืนกระทำท่า "วันธยาหัตถ์นาซี" พร้อมเปล่งเสียงกระทำความเคารพฮิตเลอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่กระสุนจากปืนลูเกอร์จะถูกระดมยิงใส่ร่าง อันเป็นการจบชีวิตของผู้นำหน่วย SA ตลอดไป

.. หลังจากที่โรหม์ตายลงแล้ว ฮิตเลอร์ก็ได้ทำการป่าวประกาศต่อพลพรรค SA ที่เหลือว่า "โรหม์" ได้ทรยศพรรคนาซีและวางแผนจะลอบสังหารตัวเขา ก่อนที่ฮิตเลอร์จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ลงได้นั่นก็คือการยุบกองกำลัง SA แล้วผนวกทหารในกองกำลังดังกล่าวไปอยู่ในกองทัพบกเยอรมันเสีย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ "เออ เนสต์โรหม์" เคยร้องขอต่อฮิตเลอร์มาตลอด แต่เขาก็ไม่มีวันได้เห็นเรื่องดังกล่าวด้วยตาตนเอง แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

.. จนเมื่อกองกำลัง SA ถูกยุบแล้ว จึงนับเป็นการปิดฉากความเกรียงไกรของหน่วยสตรอทม์ทรูปเปอร์ (สตวมอัพไทลุงค์) ลงอย่างถาวร เหลือไว้แต่เพียงตำนานแลความเก่งกล้าจงรักภักดีของพวกเขาทั้งในทางที่ดีระหว่างช่วงสงคราม และทางที่เลวทรามต่ำช้าในช่วงเป็นเบี้ยของพลพรรคนาซีเท่านั้น ที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติสาสตร์จวบจนถึงปัจจุบันครับ ..

.. ในช่วงท้ายของสงคราม การบุกเข้ามาของกองทัพทหารรัสเซีย ไม่ว่าทหารเอสเอส เอสเอ หรือหน่วยไหนก็ตาม แม้ขึ้นชื่อในเรื่องความเหี้ยมโหดอย่างที่เรียกได้ว่าสังหารชาวบ้าน และข้าศึกโดยไม่จับเป็นเชลยแบบยกหมู่บ้านเลยทีเดียวเพียงใดก็ตาม แต่ในเรื่องของความกล้าหาญ และความเสียสละเพื่อแผ่นดินของพวกเขาแล้ว ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย.. (จบ- :D)

<ภาพ> : รูปโฆษณาชวนเชื่อของ SA ในชุดเครื่องแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของหน่วยคือ เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลกับหมวกทรงหม้อ

**เพิ่มเติม..http://en.wikipedia.org/wiki/Sturmabteilung

- ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป : bloggang.com..
แอดมินวัลคีรี่...

ที่มาของข้อมูล
https://www.facebook.com/502091946518622/photos/a.502118033182680.110899.502091946518622/1185835771477566/?type=3&theater