วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Otis T. Carr และ จานบินของ Tesla



เรื่อง : “Otis T. Carr และ จานบินของ Tesla”
โดย : ดั๊ก เยอร์เชย์

Nokola Tesla ปี 1911 ให้สัมภาษณ์ว่า:
“จานบินของผมไม่ต้องการปีกหรือใบพัด คุณอาจมองเห็นมันจอดบนพื้นดิน แต่คุณจะไม่คิดหรอกว่ามันบินได้ มันสามารถบินตามใจชอบคุณ ในทุกทิศทุกทาง และปลอดภัย”

Otis T. Carr คือ ลูกศิษย์ และ ผู้ช่วยงานของ ดร. นิโคลา เทสลา , Otis T. Carr (มีชีวิตอยู่ระหว่าง 1904-1980) คารร์และทีมงาน สร้างจานบิน (flying saucer) ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบช่วงปลาย ๆ 1950s (คือประมาณปี 1956-19ุ59 ) จานบินผ่านการทดสอบบินเรียบร้อย คารร์ ตั้งใจเอามากๆ ที่จะนำจานบินนี้ไปสู่ดวงจันทร์......... แต่สองอาทิตย์หลังการบินโชว์ (ไม่ใช่แค่การบินทดสอบ ) แลบของเขาถูกบังคับให้ปิดโดยคนของรัฐ และยึดทุกอย่างไป ตั้งแต่ เอกสาร และเครื่องมือ โดยให้ คำอธิบายเพียงว่าโครงการของคารร์ “จะทำลายระบบการเงินของสหรัฐ”

Ralph Ring คือ นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานร่วมกับ Otis T Carr ในเทคโนโลยีจานบินและอื่นๆ ช่วงปี 1950s-1960s เขาอายุ 72 ปี ขณะให้สัมภาษณ์ ( ในปี 2007) ว่า:

“ผมคือคนหนึ่งที่เดินทางไปกับจานบินนี้ ผมและคารร์ เดินทาง 10 ไมล์ แต่ด้วยความเร็วของแสง !!! จานบินเรายาว 45 ฟุต"

(ดูลิงค์วิดิโอสัมภาษณ์ Ralph และอื่น ในลิงค์นี้ Tesla Flying Saucers.......ถ้าใครสามารถตามล่านะ เพราะได้ถูกลบไปแล้ว )

ข้างล่างนี้เป็นคำสัมภาษณ์ของ Ralph Ring:
“ใช้คำว่า “บิน” ไม่น่าจะเหมาะสม เพราะผมไม่รู้ด้วยว่ามันขยับ ผมคิดว่ามันอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ แต่เพราะเราได้หินและพืชจากแหล่งจุดหมายปลายทางของเรา กลับมาด้วย .....ผมถึงรู้ว่าเราประสพความสำเร็จ ......ต้องเรียกว่า Teleportation มากกว่า ”

“ผมเลิกนับจำนวนคนที่ไม่เชื่อผมพูดแล้ว ผมไม่พูดถึงเรื่องจานบินอีกแล้ว เวลาคนหัวเราะเยาะ หาว่าเราบ้า มันไม่สนุกนัก สักวันคงจะมีคนสร้างจานบินอย่างที่พวกผมเคยสร้าง เขาจะได้ประสพการณ์แบบผม พิมพ์เขียวของเรา(ของคารร์) ยังอยู่.....ไม่ต้องมีปีกและใบพัด”

“คุณต้องทำงานสอดคล้องกับธรรมชาติไม่ใช่ต้านธรรมชาติ จานบินเมื่อเดินเครื่องจนถึงความเร็วของการหมุนระดับหนึ่ง (reach a particular rotational speed) โลหะจะเปลี่ยนคุณลักษณะเป็นแบบ Jell-O (เยลลี่) คุณสามารถเอานิ้วจิ้มทะลุผ่านมัน คือสสารได้เปลี่ยนรูป (forms) คุณจะคิดว่า เหตุการณ์ต่อหน้าคุณเนี่ย มันไม่ใช่ความจริง .....มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยเจอ”

“คารร์เป็นอัจฉริยะไม่ต้องสงสัย ดร.นิโคลา เทสลา ต้องมองทะลุถึงคุณสมบัติของคารร์แน่ จึงสอนคารร์ทุกสิ่งที่ดร.เทสลารู้ ดร.เทสลาคือแรงดลบันดาลใจของคารร์ คารร์ เหมือน ดร.เทสลา คือพวกเขาจะรู้เสมอว่าต้องทำอย่างไรผลงานจึงจะสำเร็จ”

ข้างล่างนี้คัดลอกจากหนังสือของ Margaret Strom ชื่อ

“The Return of the Dove”

“ในเดือนพฤศจิกายน 1957 Otis T Carr คารร์ แห่งบัลติมอร์ รัฐมาริลแลนด์ ประกาศก้อง....... “การกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”.......ของพลังงานฟรีและจานบิน.......เทคโนโลยี่ที่สร้างเพื่อให้ทุกชีวิตบนโลก สามารถเป็นเจ้าของได้ คารร์ลูกศิษย์ผู้ยกย่องอาจารย์นิโคลา เทสลา กับผลงานประดิษฐ์สองชิ้นของเขา an electrical accumulator และ a gravity motor สิ่งประดิษฐ์ทั้งคู่ใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์ และพลังงานจาก (อีเทอร์) ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในอากาศรอบเรา”

“มอเตอร์ของคารร์ใช้พลังงานฟรีเพื่อให้รถวิ่ง ไม่ต้องใช้น้ำมันอีกต่อไป”

“เครื่องบินลำใหญ่โตไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะสามารถลดขนาดจนเหลือเส้นผ่าศูนย์กลางแค่10 ฟุต ราคาก็ถูกกว่าราคารถใหม่ๆ สมัยนี้ ออกแบบให้คนสามารถพาครอบครัวเดินทางไปต่างเมือง ต่างประเทศ หรือรอบโลก สะดวกสบายและปลอดภัย โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียว"

ดร.นิโคลา เทสลา อธิบายปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ว่าจักรวาลนั้นเคลื่อนไหว a kinetic system จักรวาลแทรกซึมไปด้วยพลังงาน (energy) ที่เราสามารถดึงเอามาใช้ไม่ว่า ณ ตำแหน่งไหน เริ่มปี 1891 ดร.เทสลา จึงเริ่มใช้คำสันสฤต คือปราณ และ อะคะสะมัง? ( Prana และ Akasah ) เมื่อเลคเชอร์หรือเขียนหนังสือ ท่านสวามี วิเวกอนันดา ( Swami Vivekananda) เป็นโยคีรุ่นแรกๆ ที่ประสพความสำเร็จในการเอาปรัชญาพระเวท (Vedic philosophy) ไปเผยแพร่ที่ตะวันตก ท่านทั้งสองคือ ท่านสวามี และดร.เทสลา ติดต่อ พบปะกัน ท่านสวามีเขียนจดหมายถึง ดร.เทสลา ส่วนดร.เทสลา นั้นเหล่าจะเข้าไปฟังเลคเชอร์ของท่านสวามีอย่างสนใจ

Ether ที่ดร.เทสลาพูดอยู่ตลอดเวลา อธิบายด้วยคำว่า ปราณและอะคะสะมัง !!!!!!!
นิโคลา เทสลา กล่าวถึงการทำงานของจักรวาลอย่างไร จะเอามาเล่าให้ฟังวันหลัง ใครสนใจอ่านลิงค์นี้ก็ได้
http://www.24grammata.com/wp-content...mmata.com_.pdf

คนเขียน เขียนได้ดีมาก แต่ฟิสิกค์จริงๆ ใครชำนาญอยากจะอ่านจะแปล เชิญเลย เราเองขออ่านสามรอบก่อน 5555

ภาพข้างล่างแสดงหลักการของจานบินUFO ที่เทสลาอธิบาย และคนเขียนลิงค์ข้างบนทำให้ง่ายขึ้น อย่างที่เคยบอก ดร.เทสลาประกาศว่าเขาสามารถ ปรับแต่ง (manipulate) อีเธอร์ได้ อาศัยหลักการยืดอีเธอร์ส่วนบนของจานบิน และอัดอีเธอร์ด้านล่างของจานบิน .....บูม...ผลลัพธ์ได้ anti-gravity (ยืดกฎแรงโน้มถ่วง)

ดร.เทสลา จดลิขสิทธิ์จานบินนี้ เช่นเดียวกัน Otis T Carr ก็จดลิขสิทธ์ของจานบินเขาด้วย ของคารร์คือ US2912244

คำถามก็คือ.......เราแน่ใจได้อย่างไรว่าจานบิน UFO ที่เราเห็นๆ กันคือของมนุษย์ต่างดาวจริง ไม่ใช่จานบินของทหาร ของรัฐบาล (ไม่รู้กี่ประเทศบ้าง) ที่อาศัยเทคโนโลยี่ของเทสลา และคารร์ สร้างขึ้นมา
..............อ้อ ตัวเรานะเชื่อมนุษย์ต่างดาวมีจริงสนิทใจ เพราะพระพุทธองค์และพ่อแม่ครูจาร์ยท่านเมตตาเล่า

ส่วนภาพล่างนี้เป็นป้ายโฆษณาของบริษัท Carr โฆษณา spacecraft (เผื่อใครตาไม่ดี อ่านป้ายไม่ออก) จานบินของเขาชื่อ OTC-XI

ก่อนหน้านี้เราเอาจานบินที่เอกชนสร้างมาอวด (ศิษย์ นิโคลา เทสลา) งวดนี้เอาจานบินของภาครัฐฯ มาให้ดูบ้าง..... ว่าตามประวัติศาสตร์ก็ต้องบอกว่า รัฐบาลเยอรมัน (นาซี) เป็นชาติแรกที่สร้าง"จานบิน UFO" ได้สำเร็จ แต่เยอรมันพลาดตรงที่สร้างไม่ทัน คือช้าไป 2 เดือนตามฮิตเล่อร์ขอเวลาไว้เลยแพ้สงคราม

.....ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้จบ ทหารอเมริกันเคลื่อนทัพเข้าไปก่อน ตัดหน้ารัสเซียและยึดเอกสารและสิ่งที่เหลือออกมาหมด....(เพราะมีไส้ศึกบอก แหล่งขุมเทคโนโลยี่นั่นเอง) ที่เรียกว่าเหลือเพราะเยอรมันขนย้ายเอกสาร อุปกรณ์ และนักวิทยาศาสตร์ไปก่อนหน้านั้นเยอะแล้ว ....เอาไปไหน? ก็ที่เมืองใหม่/ฐานทัพใหม่ของนาซี ณ ปัจจุบัน ใต้ทวีป Antarctica (จะขยายตวามต่อที่หลัง) สหรัฐนอกจากได้เอกสารยังได้นักวิทยาศาสตร์เยอรมันไปเป็นหลักพัน !!!! (ภายใต้ปฎิบัติการ เปเปอร์ คลิป อาจมีใครคุ้นชื่อบ้างนะ) หลังสงคราม ช่วงปี 1950s อาศัยความรู้จากนักวิทยาศาสตร์เยอรมันที่สหรัฐนำเข้าประเทศ สหรัฐก็เริ่มผลิต และทดลองบิน "จานบิน UFO" ของตนเอง ช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีข่าวชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ เห็น UFO บินบ่อย หรือบางครั้งก็ตก

เยอรมันเอาเทคโนโลยี่มาจากไหน มีสามทฤษฎี
1. ขโมยมาจากนิโคลา เทสลา
2. ได้มาจาก"แอทแลนติส" เพราะแหล่งข่าวอ้างว่าเยอรมันมีแผนที่รายแทงของ "แอทแลนติส"
3. จากมนุษย์ต่างดาว
แอเรีย 51