วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ประวัติหลวงปู่บัว สิริปุณโณ

หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ
วัดป่าหนองแซง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

“พระอริยเจ้าผู้บรรลุโสดาปันน์ตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์”

พระเดชพระคุณหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่สำคัญรูปหนึ่ง ซึ่งได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในวัยชรา ท่านได้บวชเป็นตาปะขางถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด และติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ออกธุดงค์ จนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ ท่านมีวิถีจิตมุ่งสู่ความหลุดพ้น ท่านพระอาจารย์มั่นได้กล่าวทำนายไว้ว่า “ในกาลข้างหน้า ถึงเวลาบารมีสุกงอมเต็มที่ จะมีคนมาโปรด”

...ต่อมาท่านได้รับอุบายธรรมชั้นสูงจากหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่วัดป่าแก้วชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ตามคำทำนายของท่านพระอาจารย์มั่น หลวงตามหาบัวฯ ท่านแนะวิธีปฏิบัติให้ในตอนเย็น พอรุ่งเช้า ท่านก็จบพรหมจรรย์ เป็นพระอรหันต์คนหนึ่งในพระพุทธศาสนา ท่านเล่าว่า “อวิชชาขาดมันรุนแรงถึงขั้นกายไหวประหนึ่งว่าคานกุฏิที่อยู่ได้ขาดไปด้วย อัศจรรย์พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์และอัศจรรย์อุบายธรรมที่หลวงตาแนะนำพร่ำสอน คืนนั้นทั้งคืนจิตตื่นอยู่ไม่หลับไม่นอน เสวยวิมุตติสุขหาสุขอื่นยิ่งกว่าไม่มี”

...หลวงปู่บัวเป็นผู้แก้จิตและแนะนำธรรมขั้นสุดท้ายให้แก่หลวงปู่ศรี มหาวีโร พระอริยเจ้าแห่งวัดป่ากุง จังหวัดร้อยเอ็ด หลวงปู่ศรีจึงเคารพรักท่านเป็นอย่างมาก ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ ท่านเล่าว่า เคยเกิดอยู่ที่บริเวณวัดป่าหนองแซงนี้เป็นเวลานานถึง ๔ ชาติ และชาตินี้เป็นชาติที่ ๕ อันเป็นชาติสุดท้ายในการวนเวียนในสังสารวัฏ ท่านเคยเกิดเป็นหมูป่า และชาติต่อมาเป็นควายป่า ถูกนายพรายผู้มีใจบาปยิงตาย ก่อนจะตายได้รับทุกข์ทรมานเป็นที่ยิ่ง นายพรายผู้มีใจบาปนี้เที่ยวล่าและฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ไม่เคยก่อสร้างบุญกุศล เมื่อเขาตามไปได้เป็นเปรต เสวยผลกรรมอันเผ็ดร้อน อยู่บริเวณวัดป่าหนองแซงแห่งนี้ ท่านไม่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน แต่ธรรมภายในของท่านลึกซึ้ง ท่านภาวนาพุทโธตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส บวชเป็นผ้าขาว ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัดเป็นเวลา ๓ ปี ติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริไปธุดงค์ตามป่าตามเขา ผจญกับสัตว์ป่าและอันตรายต่างๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ในระหว่างเป็นผ้าขาวได้ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์กรรมฐานหลายรูป เช่น พระอาจารย์สุวรรณ สุจิณฺโณ, หลวงปู่สิงห์ ขนฺตฺยาคโม, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่จันทร์ เขมปตฺโต, หลวงปู่อ่อนสา สุขกาดร, หลวงปู่คำดี ปภาโส, หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ท่านเป็นพระกรรมฐานที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ไม่ยอมท้อถอยให้แก่กิเลสมารแต่ประการใด ท่านสละชีวิตเพื่อธรรมอย่างแท้จริงถึงแม้อยู่ในวัยชราแต่ความเพียรพยายามเหมือนพระหนุ่มๆ ท่านมีความพึงพอใจต่อการรักษาสัจจะ และนับเป็นยอดปรารถนาของท่านเลยทีเดียวหากศิษย์คนใดมีจิตใจแน่วแน่ทีจะรักษาสัจวาจาแล้วจะเป็นที่นิยมและชอบใจของท่านเป็นยิ่งนัก

ท่านเกิดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๓๑ ที่บ้านเขืองใหญ่ ตำบลหมูม่น อำเภอธวัชบุรี (โป่งลิง) จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของ นายลาด และ นางดา น้อยก้อม มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๙ คน ชีวิตฆราวาสท่านมีอาชีพเป็นช่างประจำหมู่บ้านและเก่งในวิชาอาคมไสยศาสตร์ประกอบอาชีพเป็นหมอผี ปราบผีสางนางไพร เป็นที่นับถือของคนถิ่นแถวนั้น ท่านยึดมั่นในคุณธรรม ๒ ประการ คือ การมีสัจจะ และการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ท่านอุปสมบทในพุทธศักราช ๒๔๘๒ อายุ ๕๓ ปี ณ วัดบึงพระลานชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เวลา ๑๕.๑๘ น. โดยมี ท่านพระครูคุณสารพินิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปลัดแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากพิธีบวชแล้ว ท่านได้มาจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์เพ็ง พุทฺธธมฺโม ซึ่งเป็นพระลูกชายที่วัดป่าศรีไพรวัน จังหวัดร้อยเอ็ด

ในกลางพรรษาแรกนั้นเอง ท่านมีอาการเจ็บในรูหูเป็นอย่างมาก ได้นั่งสมาธิพิจารณาทุกขเวทนา ใต้ต้นลำดวนในบริเวณวัด ติดต่อกัน ๓ วัน ๓ คืน จึงรู้แจ้งในอริยสัจจ์ จึงเอาชนะความเจ็บปวดได้ จากนั้นได้เข้าไปถวายตัวเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบ้านหนองผือ อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร เมื่อไปถึงท่านพระอาจารย์มั่นทักถามทันทีว่า “...นั่งอยู่ใต้ต้นลำดวนอยู่ ๓ วัน ๓ คืนนั้นท่านได้พิจารณาอะไรบ้าง...” ท่านถึงกับตกใจที่ท่านพระอาจารย์มั่น สามารถรู้ได้เช่นนั้น จึงกราบเรียนท่านว่า “...กำหนดดูปฏิสนธิตั้งแต่เริ่มแรก พิจารณาการเกิดตั้งแต่เข้าไปอยู่ในครรภ์มารดา ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน” จากนั้นท่านได้เดินธุดงค์ไปทางจังหวัดมหาสารคาม ได้ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อปฏิบัติพระกรรมฐานกับพระอาจารย์คูณ ธมฺมุตฺตโม ที่วัดป่าพูนไพบูลย์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๕ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ กับพระอาจารย์ศรี มหาวีโร รับนิมนต์จาก ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เพื่อสร้างวัดกรรมฐานที่บ้านหนองแซง จังหวัดอุดรธานี อันว่า...วัดป่าหนองแซงนี้เดิมท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์มาจับจองไว้เพื่อสร้างเป็นวัดกรรมฐาน เดิมมีเนื้อที่ประมาณ ๕๐๐ ไร่ ห่างไกลจากบ้านผู้คน ป่าแห่งนี้ เป็นป่าโคก(ที่ดอน) มีต้นไม้เก้า ไม้ติ้ว ตูมกา เต็ง เป็นจำนวนมาก สัตว์ป่ายังชุกชุมมากโดยเฉพาะ เก้ง กวาง ลิง ค่าง บ่าง ชะนี เช้าสายบ่ายเย็นมีเสียงสัตว์ร้องสนั่นไพร สถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวผ่านไปมาของพระอาจารย์กรรมฐานเสมอ เช่น พรอาจารย์ชอบ ฐานสโม พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร พระอาจารย์คำดี ปภาโส ฯลฯ

ท่านได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานในปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ สิริอายุ ๘๗ ปี ๓๖ พรรษา