วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เรื่อง Ugly America




เรียนท่านผู้อ่านนิทาน
วันนี้ผมขอคุยเรื่อง “Ugly America” หน่อยครับ
นาย Victor Beattic ได้เขียนบทความชื่อ US “Reasonably Confident” No Military Coup in Thailand ลงใน Voice of America เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 สรุปว่า
“สถาบัน Centre of Strategic and International in Washington (CSIS) ได้จัดประชุมที่วอชิงตัน เมื่อวันอังคาร (13 พ.ค?) เกี่ยวกับวิกฤติการเมืองในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “once-in-a-century” ความพยายามก้าวผ่านการเมืองในอนาคต ในการประชุม เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล Obama ชื่อ Amy Searight ซึ่งมีตำแหน่งเป็น deputy secretary of defense สำหรับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเซียใต้ บอกว่าสหรัฐอเมริกา เคารพความต้องการของประเทศไทย ที่จะแสดงความคิดเห็นของตนเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ และหาทางที่จะผ่านวิกฤตนี้ตามวิธีที่เป็นผลสำหรับคนไทย
สหรัฐอเมริกาเชื่อว่า กองทัพจะยังไม่เข้าแทรกแซงเหมือนอย่างที่เคยทำรัฐประหาร ใน ค.ศ. 2006 Department of Defense (DOD) ขอแสดงความชื่นชมต่อกองทัพไทย ที่พยายามอดกลั้น และแสดงออกอย่างผู้มีความรับผิดชอบตลอดเวลาวิกฤตินี้ แสดงให้เห็นถึงก้าวใหม่ของกองทัพ ที่พร้อมเดินไปในทิศทางที่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของกองทัพกับสังคม
การแสดงออกเช่นนี้ของกองทัพเป็นการตัดสินใจให้เห็นว่า กองทัพไม่ประสงค์จะไปยุ่งกับการเมืองอีก หลังจากได้บทเรียนจากรัฐประหารเมื่อ ค.ศ. 2006 แต่เรา (สหรัฐอเมริกา) จะแน่ใจได้หรือไม่ว่า กองทัพจะ “นิ่ง” ได้ต่อไปอีกในสถานการณ์นี้ เรามีความมั่นใจพอสมควรว่า ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนนี้ หลายอย่างอาจเกิดขึ้นได้และเราก็กำลังติดตามดูอยู่ และโดยเหตุผลดังกล่าว เราตามดูอย่างใกล้ชิดและติดต่อกับฝ่ายไทยอยู่ตลอด ดังนั้นเราไม่อยากพูดด้วยความเชื่อมั่นเกินไปในผลที่จะเกิดขึ้น แต่ในขณะนี้เราไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อว่ากองทัพจะเปลี่ยนจุดยืนของตนเอง
Searight บอกว่าสหรัฐอเมริกายืนอยู่เคียงข้างกับประเทศไทยในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ และมีการร่วมมือกันทางด้านการทหารอย่างดียิ่ง
Scot Marciel เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล Obama อีกคน ซึ่งมีตำแหน่งเป็น principal deputy assistant secretary of state สำหรับเอเซียตะวันออกและแปซิฟิค บอกว่าวอชิงตันไม่ได้พยายามที่จะบังคับให้ประเทศไทยใช้วิธีการแก้ปัญหาวิกฤติอย่างไร เขาบอกว่าประเทศไทยเป็นพันธมิตร และเป็นเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนทางการค้าที่สำคัญ และสัมพันธไมตรีในฐานะหุ้นส่วนนี้ มีส่วนสำคัญยิ่ง สหรัฐมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเมืองและประชาธิปไตยของไทย และหวังว่าประเทศไทยจะแก้ปัญหานี้ได้ในไม่ช้า เราไม่ได้บอกว่ามันควรจะแก้อย่างไร แต่เราขอย้ำว่า ในความเห็นของเรา มันสำคัญว่าการแก้ไขนั้น จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และวิธีการที่เป็นประชาธิปไตย และแน่นอนด้วยความสงบ
นาย Ernest Bower ผู้ชำนาญของ CSIS Asia มองว่าความขัดแย้งในประเทศในขณะนี้จะมีอยู่ต่อไป มันเป็นความพยายามที่จะอยู่ในอำนาจ ที่พยายามต่อเนื่องมาประมาณ 100 ปีแล้ว ความสำคัญอยู่ที่ใครจะเป็นผู้มีอำนาจ เมื่อการสืบสันตติวงศ์ของสถาบันเกิดขึ้น เมื่อพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช) จะทรงผ่านพ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เรา (CSIS) มองอย่างมีความหวัง ไม่ว่าจะไล่นายกรัฐมนตรีคนใดออกไปในช่วงเวลานี้ ความพยายาม (ที่จะอยู่ในอำนาจ) ดังกล่าวก็จะยังไม่จบสิ้น จนกว่าการสืบสันตติวงศ์จะเกิดขึ้น เรามองไม่เห็น และไม่คาดหวังว่าจะมีทางออกใดหรือจะมีความมั่นคงของประเทศไทยเกิดขึ้น (จนกว่าการสืบสันตติวงศ์) จะเกิดขึ้น และเมื่อถึงเวลานั่น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเพื่อน และเรา (สหรัฐอเมริกา) ต้องการที่จะ (เป็นเพื่อน) อยู่ในตอนนั้นด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งน้อยนักจะปรากฎพระองค์ต่อสาธารณะ ได้ทรงออกมาให้ประชาชนได้เข้าเฝ้ารับเสด็จ ในโอกาสที่เป็นการฉลองการครองราชย์ของพระองค์ปีที่ 64
นาย Bower กล่าวว่า เรามีอำนาจต่อรอง (leverage) ในประเทศไทย รวมทั้งมีความ สัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ มีการติดต่อประสานงานกับคนไทยทุกฝ่ายของประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติการเมือง และมีความสัมพันธ์ที่ดีมากอย่างเหลือเชื่อกับกลุ่มนักธุรกิจในไทย เขากล่าวอีกด้วยว่าประเทศไทยที่แข็งแรงและมั่นคง มีความสำคัญมากสำหรับอเมริกา เพราะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของโลกและภูมิภาค และสัมพันธภาพที่มั่นคงกับวอชิงตัน”
ขอเชิญท่านผู้อ่านนิทาน โปรดอ่านหน่อยนะครับ อ่านแล้วจะเข้าใจกันอย่างไรเชิญตามอัธยาศัย แต่สำหรับตัวผม อ่านแล้วมีความเห็นและรู้สึกอย่างนี้ :
1. อเมริกากำลังขู่ไทยและเสือกในเรื่องภายในประเทศที่ละเอียดอ่อน
2. อเมริกาไม่พอใจในวิธีแก้ปัญหาการเมืองภายในของไทย ขณะนี้
3. อเมริกากำลังกดดันทหารไทยไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวิกฤติการเมือง และกดดันให้ทหารอยู่นิ่งอยู่ต่อไป
4. อเมริกากำลังบอกว่า อเมริกานั้นใหญ่เหลือประมาณในประเทศไทย มีอำนาจและอิทธิพลในหลายวงการในของประเทศไทย จึงอย่ามองข้ามหัวอเมริกา ในการแก้ปัญหาภายในของประเทศไทย
5. อเมริกากำลังบิดเบือน เกี่ยวกับสาเหตุความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศขณะนี้ อย่างน่าสงสัยถึงเบื้องหลังของการบิดเบือน เป็นการ “สร้างเรื่อง” เพื่อเข้ามายุ่งในเรื่องภายในประเทศและหาเหตุที่โยงไปถึงสถาบันกษัตริย์ของไทย อย่างมีเป้าหมายแอบแฝง
6. นอกจากจะบิดเบือนและเสือกที่จะโยงเรื่องไปถึงสถาบันแล้ว อเมริกายังแสดงความกร่างมากที่บอกว่า เมื่อ “ถึงเวลา” (ที่การสืบสันตติวงศ์มาถึง) อเมริกาต้องการที่จะเป็นเพื่อนอยู่ในตอนนั้น มันไม่ใช่ความปรารถนาดี มันเป็นส่งสัญญาณ “ขู่” ทางอ้อม
ผมสงสัยว่า นี่เป็นความเห็นจริงหรือ ของผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทมิตรเก่าแก่ของประเทศไทยถ้าจริง มีมิตรแบบนี้ ผมเลือกที่จะไม่มีดีกว่า !

สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 พ.ค 57
หมายเหตุ
1. ลิงค์ของบทความใน Voice of America วันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2014
http://www.voanews.com/articleprintview/1914202.html
2. สำหรับท่านที่ไม่คุ้นกับ CSIS ขอเรียนว่า CSIS เป็นสถาบัน (think tank) ที่มีหน้าที่ติดตามศึกษาและวางแผน ให้กับรัฐบาลสหรัฐ ในเรื่องเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม และอื่น ๆ ได้รับการยอมรับในระดับสูง และทำการเสือกในเรื่อง การเมืองในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ท่านที่ประสงค์จะทำการรู้จัก CSIS กดคำว่า CSIS ใน google เข้าไปอ่านได้เลยนะครับ
3. คำว่า “leverage” แปลเป็นไทยได้หลายความหมาย ผมพยายามใช้คำที่แสดงความหมายอย่างกลาง ๆ ถ้าจะใช้อย่างแรงสุด จะแปลได้ว่าอเมริกากำลังบอกว่า อเมริกามีอิทธิพลหรืออำนาจเหนือประเทศไทย ซึ่งถ้าใช้ความหมายเช่นนั้น มันจะทำให้ผมยิ่งของขึ้น และความเห็นของผมจะรุนแรงกว่านี้

ที่มาแหล่งข้อมูล นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น