วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จิกโก๋ปากซอย ตอน Return of จิกโก๋

นิทานเรื่องจริง เรื่องจิ๊กโก๋ปากซอย
ตอนที่ 16 Return of จิกโก๋

จิกโก๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (1950-1976)
เพราะแผนของจิกโก๋ ฉากหน้า ฉันเป็นจิกโก๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิกโก๋ตาตี่หน้าเหลือง คือระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
แต่ฉากของจริง คือจิกโก๋กลัวว่าไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง
หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
จิ๊กโก๋ จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่าการใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัด จากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
จิกโก๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ. 1997 จิกโก๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของ
จิ๊กโก๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยนแปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเองอย่าง เร่งรีบ แต่ เงียบเชียบ
สหรัฐไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูกบุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือ มันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
สหรัฐเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม
เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อย ๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่ากลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือกลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
คิดง่าย ๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามาก ๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
จิกโก๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2542 /ค.ศ. 1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ ๆ จะกลับมา จ้ะ ๆ จ๋า ๆ เหมือนเดิมกันง่าย ๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่ง
อ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
สหรัฐจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก
ลองทายดูซิ จิกโก๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา

ตอน 16/2
ช่วงสงครามเวียตนาม สหรัฐคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง
พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวก เด็กในคาถา good boy technocrat
ดังนั้นเวลาจะกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่อง ไปกว่าพวก
ที่เคยมือ รู้ใจกัน
ว่าแล้วจิกโก๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าว บ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปต้ังกะใหญ่โต ระดับ องคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
ถาม ทุกเรื่องลับ แบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป๊นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา
นอกจากนี้ ก็ ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่าง ๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
หลังจาก ทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับ ฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัดก็กีฬาสี 5 5 5
สหรัฐส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความสัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวก NATO ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของ Cobra Gold ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยาภูเก็ตก็แฮปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฎิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
แล้วสหรัฐทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างใน
ไทยแลนด์เหมือนเดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ


ที่มาข้อมูล นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อต้ม
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=717428121619004&id=688258957869254