Franz Schubert เกิดที่ Himmelpfortgrund ซึ่งอยู่แถวชานเมืองของกรุงเวียนนาในปี 1797 บิดาเป็นครูของโรงเรียนประจำท้องถิ่น ส่วนมารดาเคยเป็นแม่ครัวมาก่อนแต่งงาน ชูเบิร์ตมีพี่น้องรวมทั้งตัวเขาเองถึงสิบห้าคนแต่น่าเศร้าที่ว่าพี่น้องของเขาร่วมสิบคนได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กยังเล็ก บิดาของเขายังเป็นนักดนตรีสมัครเล่นและได้ถ่ายทอดคุณสมบัตินี้ให้กับบรรดาลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย
ด้วยอายุเพียงห้าขวบ ชูเบิร์ตได้รับการถ่ายทอดเรื่องดนตรีจากบิดาและอีกหนึ่งปีหลังจากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนที่บิดาเป็นครูสอน อายุได้เจ็ดขวบก็เก่งเกินกว่าครูสอนดนตรีธรรมดาๆ จะสอนได้ เขาเลยไปเรียนกับ Michael Holzer ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดนตรีในโบสถ์แห่งหนึ่ง อายุสิบเอ็ดปี ได้รับทุนไปเรียนดนตรีที่โรงเรียนชื่อดังในกรุงเวียนนาภายใต้การดำเนินงานของ Antionio Salieri เป็นเวลาหกปี น่าตลกที่ว่าเขาได้รับประโยชน์จากการสอนเพียงน้อยนิดหากเทียบกับการฝึกหัดกับวงของโรงเรียนและการช่วยเหลืออย่างอบอุ่นจากบรรดาเพื่อน ๆ ในการผลิตผลงานทางดนตรีอย่างมากมาย ชูเบิร์ตคลุกคลีอยู่กับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ ๆ และลักษณะนุ่มนิ่มของเขาทำให้นักประวัติศาสตร์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นพวกรักร่วมเพศ
ปี 1813 ชูเบิร์ตมาเป็นครูสอนโรงเรียนเดียวกับบิดาของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นช่วงที่สุดแสนจะน่าเบื่อและผลงานที่ผลิตออกมาก็ไม่สู้จะสำเร็จนัก สองปีต่อมาชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อลูกศิษย์ที่อยู่ในตระกูลมั่งคั่งได้เสนอให้เขาลาออกจากโรงเรียนและหันมาแต่งเพลงเพียงอย่างเดียว แต่ต่อมาก็ต้องตกอับเพราะไม่ประสบความสำเร็จทั้งในการสอนดนตรีตามบ้านและการแสดง กระนั้นเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ อีกเช่นเคย
นิสัยของชูเบิร์ตซึ่งเป็นที่รู้จักันดีคือเขามักจะตื่นแต่เช้าเพื่อประพันธ์เพลงไปจนถึงเที่ยงวันก่อนจะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในยามบ่าย แต่แล้วเหมือนกับฟ้าจะกลั่นแกล้งในปี 1822 ชูเบิร์ตพบว่าตัวเองติดเชื้อ Syphillis (ซึ่งสมัยนั้นคงจะร้ายแรงเหมือนกับเชื้อ HIV) มีคนสันนิฐานว่าเขาอาจจะติดโรคร้ายนี้มาจากสาวใช้ของบ้านที่เขาไปสอนดนตรีในฤดูร้อนฤดูหนึ่ง นายแพทย์แนะนำให้เขาไปพักกับพี่ชายที่ชานเมืองของเวียนนาอีกที่หนึ่ง (ฝรั่งไม่ได้บอกว่าทำไม เดาว่าที่นั่นอาจจะมีอากาศดีกว่า) แต่แล้วเขาก็ติดโรคไทฟอยด์อีกโรคหนึ่ง
ว่ากันว่า ชูเบิร์ตได้เดินทางไปเยี่ยมเบโธเฟ่นซึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียงนอนใน ปี 1827 เมื่อคีตกวีที่ชูเบิร์ตเทิดทูนบูชาได้เสียชีวิตลง ชูเบิร์ตมุ่งมั่นที่จะช่วยแบกโลงศพของเบโธเฟ่น (บางแห่งบอกว่าเป็นคนถือคบไฟนำหน้าขบวน) หลังจากงานศพได้สิ้นสุดลง เขากับเพื่อนก็ไปทานอาหารที่ภัตตาคาร มีการดื่มสำหรับผู้วายชนม์ โดยหารู้ไม่ว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้าชูเบิร์ตก็เป็นผู้วายชนม์เหมือนกัน แต่ก่อนที่คีตกวีเอกของเราจะเสียชีวิต เขาได้ร้องขอให้ศพของเขาถูกฝังใกล้ๆ กับเบโธเฟ่น หลุมฝังศพของคนทั้งคู่อยู่ในสุสาน Waehringer ในกรุงเวียนนา ในงาน เพื่อนคนหนึ่งของเขาได้อ่านบทกวีอันน่าซาบซึมใจ
May peace at last be with you!
Angel-pure soul!
In the full bloom of Youth,
The stroke of Death has seized you
And extinguished the pure light within you!"
(หลุมฝังศพของชูเบิร์ตซึ่งถูกย้ายมายังZentralfriedhof ตั้งแต่ปี 1888 พร้อมกับหลุมศพของเบโธเฟ่น)
แทบไม่น่าเชื่อว่าด้วยอายุเพียง 31 ปี ชูเบิร์ตผลิตผลงานออกมากว่า 600 ชิ้น งานอันโด่งดังที่เรารู้จักกันดีก็คือ Symphony หมายเลขแปด (unfinished) กระบวนแรกคือ Allergo Moderato ซึ่งขึ้นต้นอย่างช้าๆ เนิบนาบแต่มีพลังและซ้อนเร้นด้วยความหดหู่ใจจากตัวผู้ประพันธ์ นอกจากนี้ยังมี String Quintet in C major, D. 956 ที่ชูเบิรต์แต่งเสร็จสองเดือนก่อนเสียชีวิต , String Quartet in A Minor ที่มีชื่อว่า Rosamunde และ Death and the Maiden (ซึ่งดัดแปลงจากเพลงของชูเบิร์ตเอง) ที่น่าสนใจคือ ชูเบิรต์ยังประพันธ์เพลงที่เรียกกันว่า Song Cycle (เพลงที่ถูกแต่งขึ้นมีเนื้อร้องที่มีเนื้อหาติดต่อกันเป็นบทๆ เหมือนบทกวี) จำนวนมาก ที่รู้จักกันได้แก่ Die schöne Müllerin (สาวโรงสีแสนสวย) รวมไปถึง Ave Maria อันแสนไพเราะ
แต่วันนี้จะขอเสนอ บทเพลง Serenade ในรูปแบบต่างๆ
เกาหลีก็มีนะ......