วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร




หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง บ้านนาแก ตำบลผาบิ้ง อำเภอสะพุง จังหวัดเลย
“พระอริยเจ้าผู้ปฏิปทามักน้อยสันโดษหาผู้เสมอได้ยาก”

   พระเดชพระคุณหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร เดิมท่านนับถือศาสนาคริสต์ แต่มีนิสัยวาสนาน้อมมาในทางธรรมตั้งแต่วัยเด็ก

อายุ ๗ ขวบ ธรรมเกิดเพียงเพราะการมองดูสายน้ำที่ไหลไปไม่มีวันกลับ ท่านคิดๆ พิจารณาเทียบชีวิตของคนที่ล่วงตายไป ไม่มีวันกลับคืนได้อีก จึงภาวนาโดยอาศัยสายน้ำนั้นเป็นอารมณ์

อายุ ๙ ขวบ จิตตกภวังค์ นิมิตเห็นแสงสว่างคล้ายสีรุ้ง เกิดความชื่นชอบพระกรรมฐานและการออกบวชแบบพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก


ท่านเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่นที่ได้รับการยกย่องว่า “เป็นผู้ทรงธุดงค์ธรรม ว่าด้วยความเป็นผู้มักน้อยสันโดษ หาผู้ใดในยุคปัจจุบันเสมอได้ยาก” นอกจากความเป็นผู้มักน้อยสันโดษแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีความเพียรกล้า เป็นผู้ที่มีบุญวาสนา ได้ร่วมสำนักปฏิบัติธรรมและได้อุบายธรรมกับสุดยอดพระบูรพาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานทั้งสอง คือ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

นิสัยของท่านอยู่ง่ายไปเร็ว ชอบท่องเที่ยวไปตามป่าเขา ไม่ติดสถานที่ ชอบอยู่ป่าและถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร และเป็นศิษย์ที่เข้าใจในอัชฌาศัยของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างดี สามารถนิมนต์ท่านพระอาจารย์มั่น เข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหนองผือได้ จนกลายเป็นสำนักกรรมฐานที่เลื่องชื่อผลิตพระอริยะเจ้าเข้าสู่ตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน

ท่านได้รับอุบายธรรมอันสำคัญจากสหธรรมิกผู้เป็นพระดั่งเพชรน้ำหนึ่ง คือ หลวงปู่ขาว อนาลโย ด้วยอุบายธรรมอันแยบยลที่ได้รับจากเพื่อนนี้เอง หลวงปู่หลุยจึงได้กล่าวว่า “การภาวนาจะเป็นไปได้ด้วยดีนั้น นอกจากจะต้องมีครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ก็ควรจะต้องมีกัลยาณมิตรที่ดีด้วย”

ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ พรรษา ๔๐ ท่านถึงที่สุดแห่งธรรม ถึงการประหารกิเลสเข้าสู่นิพพานด้วยวิชาม้างกาย ที่ถ้ำกกกอก อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

ท่านเกิดวันอังคารที่ ๓ ปีฉลู ณ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เป็นบุตรของ นายคำผ่อย วรบุตร (ลูกชายเจ้าเมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี ประเทศลาว) และนางกวย วรบุตร (เจ้าแม่นางกวย ธิดาของผู้มีฐานะเขตเมืองเลย)

อุปสมบทครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างพรรษาแรก ท่านได้พยายามศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุโธ เกิดความเลื่อมใสจึงขอถวายตัวเป็นศิษย์ และได้ญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุตที่วัดศรีสะอาด อำเภอเมือง จังหวัดเลย

ต่อท่านได้พบกับหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่เสาร์ที่วักพระพุทธบาทบัวบก

ในพรรษานี้ การภาวนาของท่านจิตรวมแล้วเกิดอาการสะดุ้ง พระอาจารย์บุญสงสัยว่าการบัญญัติครั้งที่แล้วคงจะไม่ถูกต้อง จึงได้ให้ญัตติเป็นคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตใหม่เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๑๓.๐๘ น. โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุโธ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ วัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

หลังจากญัตติแล้ว พระอาจารย์บุญได้นำท่านไปกราบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย หลังจากนั้นท่านจึงออกวิเวกไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น สกลนคร หนองบัวลำภู จันทบุรี ปทุมธานี นครนายก สมุทรปราการ ชลบุรี หนองคายและประจวบคีรีขันธ์

ปีพุทธศักราช ๒๕๑๐-๒๕๑๕ ท่านจำพรรษาที่ถ้ำผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย นานติดต่อกัน ๖ ปี นับเป็นการจำพรรษายาวนานกว่าที่แห่งไหน

ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙-๒๕๓๒ ท่านได้จำพรรษา ณ ที่พักสงฆ์ พหลโยธิน กม. ๒๗ ดอนเมือง กรุงเทพฯ และที่พักสงฆ์เย็นสุดใจ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ท่านนิพพานเข้าสู่บรมธรรมในวันจันทร์ที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลา ๐๐.๔๓ น.
ณ โรงพยาบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สิริรวมอายุ ๘๘ ปี ๑๐ เดือน ๑๔ วัน ๖๔ พรรษา