วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๒ ทรง รับคำเชิญ แล้วจุติมากำเนิดในตระกูลกษัตริย์ศากยะ ณ กรุงกบิลพัสดุ์



ภาพที่ ๒
ทรง รับคำเชิญ แล้วจุติมากำเนิดในตระกูลกษัตริย์ศากยะ ณ กรุงกบิลพัสดุ์


ภาพนี้เป็นภาพตอนที่พระโพธิสัตว์เจ้า  ซึ่งต่อมาคือเจ้าชายสิทธัตถะ  หรือพระพุทธเจ้ากำลัง
เสด็จจากสวรรค์ชั้นดุสิต  เพื่อเสด็จเข้าสู่พระครรภ์พระมารดา  วันที่เสด็จลงบังเกิดนั้น  ตรงกับวันขึ้น ๑๕
ค่ำ  เดือน ๘  ซึ่งเป็นเวลาที่พระเจ้าสุทโธทนะ  พระบิดา  กับพระนางสิริมหามายา  พระมารดา  ได้อภิเษกสมรสไม่นาน


คืนวันเดียวกันนั้น  พระนางสิริมหามายากำลังบรรทมหลับสนิทในแท่นที่บรรทมแล้ว  ทรง
สุบินนิมิตว่าพระนางไปอยู่ในป่าหิมพานต์   ได้มีช้างเผือกเชือกหนึ่งลงมาจากยอดเขาสูงเข้ามาหาพระนางปฐมสมโพธิพรรณาเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า


"...มีเศวตหัตถีช้างหนึ่ง...ชูงวงอันจับบุณฑริกปทุมชาติสีขาวเพิ่งบานใหม่  มีเสาวคนธ์หอม
ฟุ้งตรลบแล้วร้องโกญจนาทเข้ามาในกนกวิมาน     แล้วกระทำประทักษิณพระองค์อันบรรทมถ้วนสามรอบแล้วเหมือนดุจเข้าไปในอุทร  ฝ่ายทักษิณปรัศว์แห่งพระราชเทวี..."


ภายหลังโหราจารย์ประจำราชสำนักทำนายว่าเป็นสุบินนิมิตที่ดี จะมีพระราชโอรสผู้ประเสริฐ
อุบัติบังเกิด   และเมื่อพระมารดาทรงครรภ์แล้ว   ปฐมสมโพธิได้พรรณาตอนที่พระโพธิสัตว์เสด็จอยู่ในพระครรภ์พระมารดาว่า


"...เหมือนดุจด้ายเหลือง  อันร้อยเข้าไปในแก้วมณีอันผ่องใส  เมื่อปรารถนาจะทอดพระเนตร
ในขณะใด  ก็เห็นพระโอรสนั่งเป็นบัลลังก์สมาธิ (นั่งขัดสมาธิ)  ผันพระพักตร์มาข้างหนึ่งพระอุทรแห่งพระ
มารดา  ดุจสุวรรณปฎิมาอันสถิตอยู่บนฝักอ่อนในห้องแห่งกลีบปทุมชาติ  แต่โพธิสัตว์มิได้เห็นองค์ชนนี..."


วันที่พระโพธิสัตวเจ้าเสด็จลงสู่พระครรภ์  กวีผู้แต่งเรื่องเฉลิมพระเกียรติได้พรรณาว่า  มีเหตุ
มหัศจรรย์เกิดขึ้นเหมือนกับตอนประสูติ ตรัสรู้ และตรัสปฐมเทศนา  จะต่างกันบ้างก็แต่ในรายละเอียดเท่านั้นเช่นว่า  กลองทิพย์บันลือลั่นทั่วท้องเวหา  คนตาบอดกลับมองเห็น  คนหูหนวกกลับ  ได้ยิน


ตอนนั้น  ถ้าจะถ่ายทอดพระพุทธเจ้าออกจากวรรณคดี  มาเป็นพระพุทธเจ้าในพุทธประวัติก็ว่า
กลองทิพย์บันลือลั่นนั้น  คือ  'นิมิต'  หมายถึง  พระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าที่จะแผ่ไปทั่วโลก   คนตาบอดหูหนวก  คือ  คนที่มีกิเลส  ได้สดับรสธรรมแล้วจะหายตาบอด  หูหนวก  หรือมีปัญญารู้แจ้งมองเห็นทางพ้นทุกข์นั้นเอง