วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๔๑ พระอุรุเวลกัสสปประกาศตนเป็นพุทธสาวกต่อหน้าพระเจ้าพิมพิ สาร ณ สวนตาลหนุ่ม



ภาพที่ ๔๑
พระอุรุเวลกัสสปประกาศตนเป็นพุทธสาวกต่อหน้าพระเจ้าพิมพิ สาร ณ สวนตาลหนุ่ม




เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปราบนักบวชสามสำนักสามพี่น้องให้สิ้นพยศ  คือหมดทิฐิมานะที่ว่าตน
เป็นพระอรหันต์ลงราบคาบ  จนยอมเป็นพระสาวกแล้ว  ก็ทรงดำเนินนโยบายในการประกาศพระศาสนาขั้น
ต่อไป  คือเสด็จเข้าเมืองราชคฤห์


ราชคฤห์เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธและแคว้นอังคะในสมัยนั้น  มีผู้คนมาก  มีพระราชาผู้
เป็นใหญ่     คือพระเจ้าพิมพิสารปกครอง    พระราชาพระองค์นี้เคยทรงพบพระพุทธเจ้าครั้งหนึ่งเมื่อตอน
ก่อนตรัสรู้  ดังได้เคยบรรยายไว้แล้ว


พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกที่แต่ก่อนเป็นพวกชฎิลครองหนังเสือ  แต่มาบัดนี้  เป็นพระ
ภิกษุครองจีวร  จำนวนหนึ่งพันรูป  เสด็จไปถึงอุทยานนอกเมืองที่เรียกว่า  ลัฏฐิวัน  หรือสวนตาลหนุ่ม  แล้วเสด็จพักที่นี่


พวกชาวเมืองแตกตื่นกันมากเมื่อรู้ข่าวว่า  มีคณะนักบวชศาสนาใหม่   โดยมีพระสมณโคดม
พระพุทธเจ้าเข้ามาถึงชานเมือง  จึงออกไปเฝ้ากันล้นหลาม   แม้พระเจ้าพิมพิสารก็แสดงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย


ชาวเมืองที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้ามีอาการกิริยาแตกต่างกัน   บ้างไหว้  บ้างนั่งเฉย  บ้างแนะนำ
ตนเองว่าอยู่ในวรรณะและตระกูลอะไร  แต่มีเป็นจำนวนมากที่สงสัยไม่อาจทราบได้ว่า  ระหว่างพระพุทธ
เจ้ากับอุรุเวลกัสสป  ผู้เป็นหัวหน้าชฎิลที่เคยมีชื่อเสียงใครเป็นศาสดา  และใครเป็นสาวก   ต่างสงสัยกันนักหนา


เพื่อตัดข้อสงสัยนี้     พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามอุรุเวลกัสสปถึงเหตุผลที่ละทิ้งลัทธิเดิมที่เคยปฏิบัติอยู่  ท่านได้กราบทูลดังๆ  ต่อหน้าฝูงชนว่า  ไร้สาระ  ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์   ว่าแล้วก็ลุกขึ้นกราบแทบ
พระบาทพระพุทธเจ้า    แสดงให้ชาวเมืองเห็นว่า    ใครเป็นพระศาสดา     ชาวเมืองเห็นแล้วต่างทึ่งและ
อัศจรรย์ใจมาก


เมื่อชาวเมืองสงบแล้ว   พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงธรรม  เมื่อจบลง    ชาวเมืองจำนวนมาก
ประกาศตนเป็นพุทธศาสนิกชน  อีกจำนวนหนึ่งรวมทั้งพระเจ้าพิมพิสารด้วยได้สำเร็จโสดาบัน