วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๔๐ วันหนึ่ง ฝนตักหนัก น้ำท่วม แต่ไม่ท่วมที่ประทับ ชฎิลเห็นอัศจรรย์จึงทูลขอบรรพชา




ภาพที่ ๔๐
วันหนึ่ง ฝนตักหนัก น้ำท่วม แต่ไม่ท่วมที่ประทับ ชฎิลเห็นอัศจรรย์จึงทูลขอบรรพชา




การที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดชฎิลสามพี่น้องดังได้บรรยายไว้แล้ว    ก็เพราะนักบวชสามพี่
น้องนี้เป็นคณาจารย์ใหญ่ที่คนเคารพนับถือมากในสมัยนั้น      การให้นักบวชที่มีอิทธิพลทางความนับถือมาก  ได้หันมานับถือพระองค์นั้น    เป็นนโยบายสำคัญของพระพุทธเจ้าในการประกาศพระพุทธศาสนา    ซึ่งเป็นศาสนาที่เพิ่งเกิดใหม่      เพราะถ้าปราบนักบวชที่มีอิทธิพลมากลงได้เสียแล้ว    การประกาศพระศาสนาของพระองค์ก็ง่ายขึ้นและจะได้ผลรวดเร็ว


พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาสำนักของชฎิลสามพี่น้องซึ่งตั้งตนว่าเป็นอรหันต์      และพระองค์ได้
ทรงทรมาน   คือ   การแสดงหรือพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกชฎิลไม่ใช่พระอรหันต์อย่างที่อ้าง  คุณธรรมใดๆ  ที่
พวกชฎิลถือว่าพวกตนมีและว่าวิเศษ  พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงให้เห็นว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่


ที่ถือว่าพญางูใหญ่มีพิษร้ายกาจ  พระองค์ก็จับขดลงในบาตรเสีย  เมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่  
พวกชฎิลเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าจมน้ำตายเสียแล้ว   ต่างลงเรือพายมาดู   ก็เห็นพระพุทธเจ้าเดินจงกรมอยู่ภายใต้ท้องน้ำ


ปฐมสมโพธิว่า  พระพุทธเจ้าทรงใช้เวลากลับใจพวกชฎิลอยู่ถึงสองเดือนจึงสำเร็จ  โดยชฎิลผู้
หัวหน้าคณาจารย์ใหญ่  คือ  อุรุเวลกัสสป   เกิดความสังเวชสลดใจว่าตนมิใช่พระอรหันต์อย่างที่เคยหลงเข้าใจผิด  ทั้งนี้ด้วยพุทธานุภาพที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ประจักษ์เห็นได้


หัวหน้าชฎิลจึงลอยเครื่องบริขารและเครื่องบูชาไฟทิ้งลงในแม่น้ำเนรัญชรา    แล้วกราบแทบ
พระบาทพระพุทธเจ้า  ขอบวชยอมเป็นพระสาวก    ฝ่ายน้องชายอีกสองคน  ที่ตั้งอาศรมอยู่คุ้งน้ำทางใต้ลงไป  เห็นบริขารพี่ชายลอยมาก็จำได้  นึกว่าอันตรายเกิดแก่พี่ชายตนก็พากันมาดู


ทั้งสองได้ทราบเรื่องโดยตลอด    ก็ยอมตนเป็นพระสาวกทั้งสิ้น    พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง
ธรรมโปรดชฎิลทั้งหมดได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์    พระพุทธเจ้าเลยมีนักบวชเป็นพระสาวกเพิ่มขึ้นใหม่อีก  
๑,๐๐๐  รูป


_________________________________________