วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๗๔ พระอานนท์ไปยืนเหนี่ยวสลักเพชรพระวิหาร ร้องไห้รำพันถึงพระพุทธองค์



ภาพที่ ๗๔
พระอานนท์ไปยืนเหนี่ยวสลักเพชรพระวิหาร ร้องไห้รำพันถึงพระพุทธองค์




พระอานนท์เป็นพระภิกษุอุปัฏฐานของพระพุทธเจ้า  ก่อนท่านรับตำแหน่งนี้   เคยมีพระภิกษุหลายรูปทำหน้าที่นี้มาก่อน  แต่ท่านเหล่านั้นรับหน้าที่ดังกล่าวไม่นาน  ก็กราบทูลลาพระพุทธเจ้าออกไป  ผู้รับหน้าที่อุปัฏฐานพระพุทธเจ้าเป็นเวลานานที่สุด  จนพระพุทธเจ้านิพพาน  จึงได้แก่พระอานนท์


โดยความสัมพันธ์ทางพระญาติ  พระอานนท์มีศักดิ์เป็นพระอนุชาหรือน้องชายของพระพุทธ
เจ้า  เพราะบิดาของท่านเป็นน้องชายของบิดาของพระพุทธเจ้า  นี่ว่าอย่างสามัญ


ตลอดเวลาที่รับหน้าที่อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า  พระอานนท์ตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปทุกหนทุก
แห่ง  คอยปรนนิบัติอุปัฏฐากพระพุทธเจ้ามิได้บกพร่อง  ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงไม่มีเวลาบำเพ็ญกิจส่วนตัว  พรรคพวกรุ่นเดียวกันที่ออกบวชพร้อมกัน  (ยกเว้นพระเทวทัต)   ต่างได้สำเร็จอรหันต์กันทั้งสิ้น   ส่วนพระอานนท์ได้สำเร็จมรรคผลเพียงชั้นโสดาเท่านั้น


เมื่อพระพุทธเจ้าจวนจะนิพพาน  ท่านจึงมีภาระเพิ่มมากขึ้น  เหนื่อยทั้งกายและใจ  ใจท่านว้า
วุ่นไม่เป็นส่ำ    พอได้ยินพระพุทธเจ้าบอกพระสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องพระองค์จะนิพพาน    พระอานนท์ไม่อาจจะอดกลั้นความเสียใจและอาลัยพระพุทธเจ้าไว้ได้      ท่านจึงหลบหลีกออกจากที่เฝ้า   เข้าไปยังวิหารแห่งหนึ่ง  ไปยืนอยู่ข้างบานประตูวิหาร   มือเหนี่ยวสลักเพชรหรือลิ่มสลักกลอนประตูแล้วร้องไห้   โฮๆ  พลางรำพันว่าตัวเรา   ยังเป็นอริยบุคคลชั้นต่ำ  ยังไม่สำเร็จอรหันต์   พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นทั้งพระศาสดาและพระเชษฐาของเราก็จักมานิพพานจากเราไปก่อนเสียแล้ว


พระพุทธเจ้าทรงเห็นพระอานนท์หายไปจากที่เฝ้า จึงตรัสถามพระสงฆ์ถึงพระอานนท์ ทรงทราบแล้วรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า  แล้วตรัสพระธรรมเทศนาเตือนสติพระอานนท์ว่าอย่าได้เศร้าโศกเสียใจ


ตอนหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสบอกอานนท์ว่า  ท่านเป็นคนมีบุญ  อย่าได้ประมาท  เมื่อพระองค์
นิพพานแล้วไม่ช้า    ท่านจักได้สำเร็จอรหันต์  (พระอานนท์ได้สำเร็จอรหันต์ภายหลังพระพุทธเจ้านิพพาน
ได้สามเดือน)