วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๕ พราหมณาจารย์รับพระลักษณะสมโภชพระกุมาร ถวายพระนามว่า พระสิทธัตถะ



ภาพที่ ๕
พราหมณาจารย์รับพระลักษณะสมโภชพระกุมาร ถวายพระนามว่า พระสิทธัตถะ


ภายหลังเจ้าชายราชกุมารผู้พระราชโอรสประสูติได้ ๕ วันแล้ว  พระเจ้าสุทโธทนะ  พระราช
บิดาได้โปรดให้มีการประชุมใหญ่   ผู้เข้าประชุมมีพระญาติวงศ์   ทั้งฝ่ายพระบิดาและฝ่ายพระมารดา  มุข
อำมาตย์  ราชมนตรี  และพราหมณ์ผู้รอบรู้ไตรเวท  เพื่อทำพิธีมงคลในการนี้คือพราหมณ์ มีทั้งหมด  ๑๐๘ แต่พราหณ์ผู้ทำหน้าที่นี้จริงๆ  มีเพียง ๘  นอกนั้นมาในฐานะคล้ายพระอันดับ

พราหมณ์ทั้ง  ๘  มีรายนามดังนี้  คือ

    ๑. รามพราหมณ์ ๕. โภชพราหมณ์
    ๒. ลักษณพราหมณ์ ๖. สุทัตตพราหมณ์
    ๓. อัญญพราหมณ์ ๗. สุยามพราหมณ์
    ๔. ธุชพราหมณ์         ๘.โกณทัญญพราหมณ์


ที่ประชุมลงมติขนานพระนามพระราชกุมารว่า   'เจ้าชายสิทธัตถะ'  ซึ่งเป็นมงคลนาม   มี
ความหมายสองนัย   นัยหนึ่งหมายความว่า  ผู้ทรงปรารถนาสิ่งใดจะสำเร็จสิ่งนั้นดังพระประสงค์  อีกนัย
หนึ่งหมายความว่าพระโอรสพระองค์แรกสมดังที่พระราชบิดาทรงปรารถนา แปลให้เป็นเข้าสำนวณไทย
ในภาษาสามัญก็ว่า  ได้ลูกชายคนแรกสมตามที่ต้องการ

พระนามนี้  คนอินเดียทั่วไปในสมัยนั้นไม่นิยมเรียก  แต่นิยมเรียกพระโคตรแทน  'พระโคตร'
ตรงกับภาษาไทยทุกวันนี้ว่า  'นามสกุล'  คนจึงนิยมเรียกพระราชกุมารว่า  'เจ้าชายโคตมะ''  หรือ โคดม'

พร้อมกันนี้  พราหมณ์ทั้ง ๘  ก็พยากรณ์พระลักษณะ   คำพยากรณ์แตกความเห็นเห็นเป็น  ๒
กลุ่ม  พราหมณ์ ๗ คน  ตั้งแต่หมายเลข ๑ ถึงหมายเลข ๗  ตามรายนามที่ระบุไว้แล้ว  มีความเห็นเป็นเงื่อนไขในคำพยากรณ์   ถ้าเจ้าชายนี้เสด็จอยู่ครองราชสมบัติ   จักได้ทรงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงมีพระบรมเดชานุภาพมาก  แต่ถ้าเสด็จออกทรงผนวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ผู้เป็นศาสดาเอกของโลก

มีพราหมณ์หนุ่มอายุเยาว์คนเดียวที่พยากรณ์เป็นมติเดียวโดยไม่มีเงื่อนไขว่า  พระราชกุมารนี้
จักเสด็จออกทรงผนวช   และได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน  พราหมณ์ผู้นี้ต่อมาได้เป็นหัวหน้าพรปัญจวัคคีย์
ออกบวชตามเสด็จพระพุทธเจ้า  และได้เป็นพระอรหันตสาวกองค์แรกที่รู้จักกันในนามว่า  'พระอัญญาโกณทัญญะ'   นั่นเอง  ที่เหลืออีก  ๗  ไม่ได้ตามเสด็จออกบวช  เพราะชรามาก  อยู่ไม่ทันสมัพระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวช