วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๗๗ พระสงฆ์ปุถุชนได้ฟังข่าวปรินิพพานซึ่งอาชีวกบอกแก่พระมหา กัสสปก็ร้องไห้



ภาพที่ ๗๗
พระสงฆ์ปุถุชนได้ฟังข่าวปรินิพพานซึ่งอาชีวกบอกแก่พระมหา กัสสปก็ร้องไห้




ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นตอนภายหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว    คือตอนพระมหากัสสปกำลังเดิน
ทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า    ตอนก่อนพระพุทธเจ้าจะนิพพานนั้น    พระสงฆ์สาวกที่จาริกออกไปประกาศพระ
ศาสนาตามแคว้นและเมืองต่างๆ     ในสมัยนั้น    เมื่อได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าจะนิพพานที่เมืองกุสินาราต่างก็เดินทางมุ่งหน้ามาเมืองนี้เป็นจุดเดียวกัน  ที่อยู่ใกล้ก็มาทันเฝ้าพระพุทธเจ้า  ส่วนที่อยู่ไกลไปก็มาไม่ทัน


พระมหากัสสปเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่  ที่พระพุทธเจ้าทรงเคยยกย่องให้เกียรติเทียบเท่าพระองค์   ท่านรีบเดินทางมาพร้อมด้วยพระสงฆ์หลายร้อยรูป   มาถึงเมืองปาวา   แดดกำลังร้อนจัด   จึงพาพระสงฆ์แวะพักชั่วคราวระหว่างทางภายใด้ร่มไม้แห่งหนึ่ง    ขณะนั้น    ท่านเห็นอาชีวกคือนักบวชนอกศาสนาพุทธคนหนึ่ง   เดินทางสวนมาจากเมืองกุสินารา  มือถือดอกมณฑารพ   พระมหากัสสปจึงถามข่าวพระพุทธเจ้า  อาชีวกตอบว่าพระสมณโคดมนั้นนิพพานมาได้เจ็ดวันแล้ว   แล้วชูดอกมณฑารพให้ดูว่าตนเก็บได้มาจากสถานที่ที่พระพุทธเจ้านิพพาน  ดอกมณฑารพตามตำนานว่าเป็นดอกไม้สวรรค์  ออกดอกและบานในเวลาคนสำคัญของโลกมีอันเป็นไป


ทันใดนั้น    ก็บังเกิดอาการสองอย่างขึ้นในหมู่พระสงฆ์ที่เดินทางมาพร้อมกับพระมหากัสสป  
พระสงฆ์ฝ่ายหนึ่งที่สำเร็จอรหันต์แล้วต่างดุษณีภาพด้วยธรรมสังเวชว่า  พระพุทธเจ้านิพพานเสีย  ฝ่ายพระสงฆ์ปุถุชนต่างอดกลั้นความเศร้าโศกเสียใจไว้ไม่ได้   บางองค์ร้องไห้  โฮ...     บางองค์ยกมือทั้งสองขึ้นร้องคร่ำครวญ  บางองค์ล้มกลิ้งลงกับพื้นดิน  มหาปรินิพพานสูตร บันทึกไว้ว่า  อาการล้มกลิ้งของภิกษุนั้นเหมือนคนถูกตัดขาทั้งสองขาดในทันที


แต่มีอยูรูปหนึ่งนามว่าสุภัททะ  (คนละองค์กับที่บวชพระสาวกอง๕สุดท้ายของพระพุทธเจ้า)  
เป็นพระที่บวชเมื่อแก่   เข้าไปพูดปลอบโยนพระสงฆ์ทั้งปวงที่กำลังร้องไห้ว่า  "คุณ!  คุณ!  จะร้องไห้เสียใจทำไม  พระพุทธเจ้านิพพานเสียได้นั่นดีนักหนา  ถ้าพระองค์ยังอยู่  พวกเราทำอะไรตามใจไม่ได้   ล้วนแต่ว่าอาบัติทั้งนั้น  ต่อนี้ไปพวกเราจะสบาย  พระองค์นิพพานเสียได้นั่นดีแล้ว"


พระมหากัสสปได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็อดสังเวชมิได้ว่า  พระพุทธเจ้าเพิ่งนิพพานได้เพียง  ๗  วัน  เสี้ยนหนามพระศาสนาก็บังเกิดขึ้นเสียแล้ว  แล้วท่านก็พาพระสงฆ์รีบออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองกุสินารา  เพื่อให้ทันถวายบังคมพระศพพระพุทธเจ้า