วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๒๔ เสด็จกลับจากลอยถาด ทรงรับหญ้าคาซึ่งพราหมณ์โสตถิยะถวายในระหว่างทาง




ภาพที่ ๒๔
เสด็จกลับจากลอยถาด ทรงรับหญ้าคาซึ่งพราหมณ์โสตถิยะถวายในระหว่างทาง




เสร็จจากทรงลอยถาดอธิษฐานแล้ว  เวลาสายขึ้น   แดดเริ่มจัด   พระมหาบุรุษจึงเสด็จจากชาย
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชราเข้าไปยังดงไม้สาละ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำแห่งนี้  ประทับอยู่ที่นี่ตลอดเวลากลางวัน  เวลาบ่ายเกือบเย็นจึงเสด็จไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ์


พระศรีมหาโพธิ์เป็นต้นไม้ประเภทต้นโพธิ์ที่เราเห็นอยู่ในเมืองไทย   ในป่าก็มี   แต่ส่วนมากมี
ตามวัด   ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ไม่ได้เรียกว่าพระศรีมหาโพธิ์   แต่เรียกโดยชื่อตามภาษาพื้นเมือง  ๒  อย่าง  อย่างหนึ่งเป็นภาษาชาวบ้านเรียกว่า  'ต้นปีบปัน'   อีกอย่างหนึ่งเป็นภาษาหนังสือเรียกว่า  'ต้นอัสสถะ'   หรือ  'อัสสัตถพฤกษ์'


เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจึงเรียกว่า 'โพธิ์'  แปลว่า  ต้นไม้เป็นที่อาศัยตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  
ต่อมาเพิ่มคำนำหน้าขึ้นอีกเป็น มหาโพธิ์บ้าง พระศรีมหาโพธิ์บ้าง  และว่าเป็นต้นไม้สหชาติขพระพุทธเจ้า  
คือ  เกิดพร้อมกันในวันที่พระพุทธเจ้าสมัยที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะประสูติดังได้เคยเล่าไว้แล้ว


ระหว่างทางเสด็จไปยังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์  พระมหาบุรุษได้สวนทางกับชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่
ในวรรณะพราหมณ์ชื่อโสตถิยะ  พราหมณ์โสตถิยะเดินถือกำหญ้าคามา ๘  กำ  ได้ถวายหญ้าคาทั้ง ๘  กำแก่พระมหาบุรุษ  พระมหาบุรุษทรงรับ แล้วทรงนำไปปูเป็นอาสนะสำหรับประทับนั่งที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์


พระมหาบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิ   พระบาทขวาวางทับพระบาทซ้าย    และพระหัตถ์ขวาทับ
พระหัตถ์ซ้าย  ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก  ผินพระปฤษฎางค์ คือ  หลัง  ไปทางต้นพระศรีมหาโพธิ์  แล้วทรงตั้งพระทัยเป็นสัจจะแน่วแน่ว่า


"ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด   เราจักไม่ยอมลุกขึ้นตราบนั้น  แม้ว่าเนื้อ
และเลือดจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง  เอ็น  และกระดูกก็ตามที"