วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๑ เทพเจ้าทุกชั้นฟ้าชุมนุมกันอัญเชิญเทพบุตรโพธิสัตว์ให้ จุติมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า



ภาพที่ ๑
เทพเจ้าทุกชั้นฟ้าชุมนุมกันอัญเชิญเทพบุตรโพธิสัตว์ให้ จุติมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า


เมื่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์สวรรคตแล้ว  เสด็จไปอุบัติเป็นสันตุสิตเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต
เมื่อก่อนพุทธกาลเล็กน้อย   เทวดาทุกสวรรค์ชั้นฟ้ามาประชุม ปรึกษากันว่า  ใครจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่างก็เล็งว่า   พระโพธิสัตว์สถิตอยู่ในชั้นดุสิตจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า   จึงพากันไปทูลเชิญให้จุติลงมาโปรดสัตวโลก  เพื่อให้สมกับพระปณิธานที่ตั้งไว้ว่า ทรงบำเพ็ญบารมีมาในชาติใดๆ  ก็มิได้ทรงมุ่งหวังสมบัติอันใด  นอกจากความเป็นพระพุทธเจ้าก่อนที่พระโพธิสัตว์อันสถิตอยู่  ณ สวรรค์ชั้นดุสิต จะได้ทรงตรัสรู้บรรลุธรรมเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อโปรดชาวโลกนั้น  พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า  ท่านได้ทรงบำเพ็ญบารมี ๑๐
ประการ  อันได้แก่


๑. พระเตมีย์ ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือ ความอดทนสูงสุด
๒. พระมหาชนก ทรงบำเพ็ญวิริยะบารมี คือ ความพากเพียรสูงสุด
๓. พระสุวรรณสาม ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ ความเมตตาสูงสุด
๔. พระเนมิราช ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ ความมีจิตที่แน่วแน่สมบูรณ์
๕. พระมโหสถ ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี คือ ความมีปัญญาสูงสุด
๖. พระภูริทัต ทรงบำเพ็ญศีลบารมี คือ ความมีศีลที่สมบูรณ์สูงสุด
๗. พระจันทกุมาร ทรงบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดกลั้นสูงสุด
๘. พระนารทพรหม ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ การมีอุเบกขาสูงสุด
๙. พระวิธูรบัณฑิต ทรงบำเพ็ญสัจจะบารมี คือ ความมีสัจจะสูงสุด
๑๐. พระเวสสันดร ทรงบำเพ็ญทานบารมี คือ การรู้จักการให้ทานสูงสุด