วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๕๓ ทรงมอบสมบัติพระนิพพานแก่พระราหุล โดยให้บรรพชาเป็นสามเณรองค์แรก



ภาพที่ ๕๓
ทรงมอบสมบัติพระนิพพานแก่พระราหุล โดยให้บรรพชาเป็นสามเณรองค์แรก




เมื่อราหุลติดตามพระพุทธเจ้าไปถึงนิโครธาราม  เพื่อทูลขอรัชทายาทและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์
สมบัติของพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าสิ่งที่ราหุลขอนั้นเป็นสมบัติทางโลกไม่ยั่งยืน   เต็มไปด้วยความทุกข์ในการปกปักรักษา  ไม่เหมือนอริยทรัพย์ คือ  ธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา  ทรงพระพุทธดำริว่า  "จำเราจะให้ทายาทแห่งโลกุตตระแก่ราหุล"


พระพุทธเจ้าตรัสเรียกพระสารีบุตรมา  แล้วรับสั่งให้พระสารีบุตรเป็นอุปัชฌาย์ทำหน้าที่บวชสามเณรให้ราหุล  ราหุลจึงเป็นสามเณรองค์แรกในทางพระพุทธศาสนา  เมื่ออายุครบบวช ต่อมาได้บวชเป็นพระภิกษุและได้สำเร็จอรหันต์


เมื่อคราวนันทะซึ่งกำลังจะเข้าพิธีวิวาหมงคล   แต่ยังไม่ทันเข้าพิธี   เพราะถูกพระพุทธเจ้าจับ
บวชเสียก่อนนั้น  พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา  ทรงทราบข่าวแล้วเสียพระทัยมาก  แต่ไม่สู้กระไรนัก   เพราะยังทรงเห็นว่าราหุลกุมารรัชทายาทองค์ต่อไปยังมีอยู่    แต่ครั้นทรงทราบว่าราหุลกุมารได้บวชเป็นสามเณรเสียแล้ว  พระเจ้าสุทโธทนะทรงเสียพระทัยมากยิ่งกว่าเมื่อคราวพระพุทธเจ้าเสด็จออกบวช    และเมื่อนันทะบวช


พระเจ้าสุทโธทนะไม่อาจทรงระงับความทุกข์โทมนัสครั้งนี้ได้  จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่
นิโครธาราม  แล้วทูลขอร้องพระพุทธเจ้าว่า   ถ้าพระคุณเจ้ารูปใดจะบวชลูกหลานชาวบ้าน   ก็ได้โปรดให้พ่อแม่เขาได้อนุญาตให้ก่อน   เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้เป็นพ่อแม่มาก   ดุจที่พระองค์ได้รับ  เมื่อราหุลบวชในคราวนี้


พระพุทธเจ้าทรงรับตามที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงขอร้อง  จึงทรงบัญญัติพระวินัยไว้เป็นธรรมเนียมสืบมาจนทุกวันนี้ว่า  ถ้าใครจะบวช  ไม่ว่าบวชเป็นพระ หรือบวชเป็นสามเณร  ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง  ตลอจนญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือทุกวันนี้จึงเกิดจากกรณีดังกล่าวนี้