วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๓๙ ทรงทรมานนาคราชร้าย ขดกายพญานาคใส่บาตรให้ชฎิลดู ชฎิลก็ยังไม่เลื่อมใส




ภาพที่ ๓๙
ทรงทรมานนาคราชร้าย ขดกายพญานาคใส่บาตรให้ชฎิลดู ชฎิลก็ยังไม่เลื่อมใส




ชฎิลสามพี่น้อง  โดยเฉพาะอุรุเวลกัสสปผู้พี่ชายใหญ่เป็นหัวหน้านักบวช  ที่ชาวเมืองราชคฤห์
นับถือมาก  ท่านผู้นี้ประกาศตนเป็นผู้วิเศษ  เป็นพระอรหันต์  บำเพ็ญพรตบูชาไฟ


เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึง  และตรัสขอพักอาศัยในโรงไฟ    ซึ่งพวกชฎิลถือว่าเป็นสถานศักดิ์
สิทธิ์    และเป็นอันตรายแก่ผู้จะไปอยู่อาศัยภายในโรงไฟ    เพราะมีพญานาค    หรือพญางูใหญ่มีพิษร้ายกาจอาศัยอยู่ในนั้น  ชฎิลจึงนึกในใจว่า  พระพุทธเจ้าทรงอวดดีที่ไม่กลัวอันตราย


ตามท้องเรื่องในปฐมสมโพธิกล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปประทับภายในโรงไฟ  พญา
นาคก็มีจิตขึ้งเคียดทุกขโทมนัส   คือ   โกรธมาก  จึงพ่นพิษใส่พระพุทธเจ้า   พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าเตโชกสินสมาบัติ (หมายถึง  การเข้าฌานชนิดหนึ่ง ซึ่งบันดาลให้เกิดเปลวไฟขึ้นจากายได้)  พิษของพญานาคและเปลวเพลิงจากเตโชกสินของพระพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นเป็นแสงแดงสว่าง  ดุจเผาผลาญโรงเพลิงนั้นให้เป็นภัสมธุลี  (แหลกละเอียด)


พวกชฎิลได้เห็นแสงเพลิงนั้นก็ปริวิตกว่า  พระสมณะรูปนี้  (หมายถึงพระพุทธเจ้า)   เห็นทีจะ
วอดวายด้วยพิษพญานาคคราวนี้เป็นแน่


ปฐมสมโพธิว่า  "ครั้นล่วงราตรีรุ่งเช้า  พระสัพพัญญูเจ้าก็ยังเดชแห่งพญานาค  ให้อันตรธาน
หาย  บันดาลให้นาคนั้นขนดกายลงในบาตร  แล้วทรงสำแดงแก่อุรุเวลกัสสป  ตรัสบอกว่า " นาคนี้สิ้นฤทธิ์ด้วยเดชตถาคต..."