ภาพที่ ๑๘
พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปเฝ้า ทูลของปฏิญาณว่าถ้าตรัสรู้แล้วขอให้มาโปรดก่อน
พระเจ้าพิมพิสารได้ทราบครามที่ชาวเมืองต่างโจษจันกันถึงเรื่องนักบวชหนุ่มผู้ทรงความสง่างามผิดจากนักบวชอื่นๆ เข้ามาในเมือง จึงทรงสั่งเจ้าพนักงานไปสืบความดู หนังสือปฐมสมโพธิเรียบเรียงพระดำรัสสั่งของพระเจ้าพิมพิสารตอนนี้ไว้ว่า
"ท่านจงสะกดตามบทจรไปดู ให้รู้ตระหนักแน่ แม้เป็นเทพยดาก็จะเหาะไปในอากาศ
ผิวะเป็นพญานาคก็ชำแรกปฐพีไปเป็นแท้ แม้ว่าเป็นมนุษย์ ก็จะไปนั่งบริโภคภัตตาหารโดยควรประมาณ
แก่ตนได้ จงไปพิจารณาดูให้รู้เหตุประจักษ์"
ฝ่ายมหาบุรุษเมื่อทรงรับอาหารบิณฑบาตพอควรจากชาวเมืองแล้ว ก็เสด็จออกจากเมืองไป
ที่เงื้อมภูเขานอกเมืองแห่งหนึ่ง แล้วทรงตั้งสติพิจารณาปรารภที่จะเสวยอาหารที่ทรงได้มาจากการเสด็จ
บิณฑบาต อาหารที่ว่าเป็นจำพวกที่เรียกว่า 'มิสกภัตร' คือ อาหารที่คละระคนปนกันทุกชนิด ทั้งดีและ
เลว ทั้งน้ำและแห้ง ทั้งคาวและหวาน
พระมหาบุรุษทรงเห็นแล้วทรงเกิดพระอาการอย่างหนึ่ง ซึ่งปฐมสมโพธิพรรณาไว้ว่า
"ปานประหนึ่งลำไส้ใหญ่จะกลับออกทางพระโอษฐ์ เหตุพระองค์เคยเสวยประณีตโภชนาหาร ปานประ
ดุจ ทิพย์สุธาโภชน์..." แต่ทรงข่มพระทัยด้วยคุณธรรมของนักบวชเสียได้ จึงเสวยอาหารนั้นอย่างปกติ
พระเจ้าพิมพิสารกับพระมหาบุรุษทรงเป็น 'อทิฏฐสหาย' กัน แปลว่า ทรงเป็นพระสหาย
ที่เคยแต่ได้ยินพระนามกันมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นกันและกัน เมื่อทรงทราบเรื่องจากเจ้าพนักงานกราบทูล
ให้ทรงทราบแล้ว พระเจ้าพิมพิสารจึงเสด็จไปเฝ้าพระมหาบุรุษ ทรงทราบว่าเป็นเจ้าชายจากศากยสกุล
จึงตรัสเชิญพระมหาบุรุษให้เสด็จอยู่ครองเมืองด้วยกัน พระมหาบุรุษทรงปฏิเสธและทรงแจ้งถึงความ
แน่วแน่ในพระทัยที่จะแสวงหาความตรัสรู้
พระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสขอปฏิญาณว่า ถ้าได้ตรัสรู้แล้วขอให้เสด็จมาโปรด พระมหาบุรุษทรงรับปฏิญาณนั้น