วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๗๙ โทณพราหมณ์แบ่งสรรพระบรมธาตุแก่พราหมณ์และกษัตริย์ ๗ พระนคร



ภาพที่ ๗๙
โทณพราหมณ์แบ่งสรรพระบรมธาตุแก่พราหมณ์และกษัตริย์ ๗ พระนคร




ข่าวพระพุทธเจ้านิพพานที่เมืองกุสินาราแล้ว    เจ้ามัลลกษัตริย์แห่งนครนี้พร้อมด้วยคณะสงฆ์
ได้ถวายพระเพลิงแล้วนั้น ได้แพร่ไปถึงบรรดาเจ้านครแห่งแคว้นต่างๆ  บรรดาเจ้านครเหล่านั้นจึงได้ส่งคณะฑูตรีบรุดมายังเมืองกุสินาราพร้อมด้วยพระราชสาส์น


คณะฑูตทั้งหมดมี  ๗  คณะ  มาจาก  ๗  นคร   มีทั้งจากนครใหญ่  เช่น  นครราชคฤห์  แห่ง
แคว้นมคธ ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาเป็นแห่งแรก  และนครอื่นๆ เช่น  กบิลพัสดุ์  เมืองประสูติ
ของพระพุทธเจ้า  คณะฑูตทั้ง ๗ เมื่อเดินทางมาถึงเมืองกุสินาราก็ได้ยื่นพระราชสาส์นนั้นแก่เจ้ามัลลกษัตริย์  ในพระราชสาส์นนั้นมีความว่า  เจ้านครทั้ง ๗ มาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุเพื่อนำไปบรรจุในสถูปให้เป็นที่สักการบูชาไว้ที่นครของตน  พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ตอบปฏิเสธแข็งขันไม่ยอมให้  โดยอ้างเหตุผลว่าพระพุทธเจ้านิพพานที่เมืองของตน  พระบรมสารีริกธาตุจึงเป็นสมบัติของเมืองนี้เท่านั้น


เมื่อเจ้ามัลลกษัตริย์ไม่ยอมแบ่ง  บรรดาเจ้านครทั้ง ๗  ก็ไม่ยอม จะขอส่วนแบ่งให้ได้  สงคราม
แย่งพระบรมสารีริกธาตุก็ทำท่าจะเกิดขึ้น  แต่พอดีท่านผู้หนึ่งซึ่งชื่อ 'โทณพราหมณ์' ได้ระงับสงครามไว้เสียก่อน   โทณพราหมณ์อยู่ในเมืองกุสินารา  ตามประวัติแจ้งว่าเป็นผู้เฉลียดฉลาดในการพูด  เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาเจ้านคร และเป็นผู้มีชื่อเสียงในเรื่องเกียรติคุณ ได้ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นเลขา
ธิการสหประชาติในสมัยปัจจุบัน  คือได้ระงับสงครามไว้เสียทัน  โดยได้ปราศรัยให้ที่ประชุมฟังว่า


"พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงสรรเสริญขันติธรรมและสามัคคีธรรม  แล้วเราทั้งหลายจะมาทะเลาะวิวาททำสงครามกันเพราะพระบรมสารีริกธาตุเป็นเหตุทำไม    มาแบ่งกันให้ได้เท่าๆ    กันดีกว่า   พระบรมสารีริกธาตุจักได้แพร่หลายและเป็นประโยชน์แก่มหาชนทั่วโลก"


ที่ประชุมเลยตกลงกันได้  โทณพราหมณ์จึงทำหน้าที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วน
โดยใช้ตุมพะ  คือทะนานทองเป็นเครื่องตวง  ให้เจ้านครทั้ง  ๗  คนละส่วน  เป็น  ๗  ส่วน   อีกส่วนหนึ่งเป็นของเจ้านครกุสินารา  แล้วเจ้านครทั้งหมดต่างอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนั้นไปเป็นที่ระลึก  แล้วนำไปบรรจุไว้ในสถูปต่างหาก  การแจกพระบรมสารีริกธาตุก็เสร็จสิ้นสุดลงด้วยความเรียบร้อย