วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๓๕ ถึงป่าอิสิปตนะ เบญจวัคคีย์เห็นแต่ไกล นัดกันว่าจะไม่ต้อนรับ แต่แล้วก็กลับใจ




ภาพที่ ๓๕
ถึงป่าอิสิปตนะ เบญจวัคคีย์เห็นแต่ไกล นัดกันว่าจะไม่ต้อนรับ แต่แล้วก็กลับใจ




พระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันในเย็นวันเดียวกัน  ที่ว่านี้ว่าตามวันเวลาที่ระบุ
ไว้ในหนังสือปฐมสมโพธิ


ขณะนี้พวกเบญจวัคคีย์   ซึ่งมีโกณฑัญญะเป็นหัวหน้ากำลังสนทนากันอยู่   เรื่องที่สนทนากัน
ก็เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าโดยตรงว่า    นับตั้งแต่ผละหนีจากพระพุทธเจ้ามาก็นานแล้ว    ป่านนี้จะประทับอยู่ที่
ไหน  จะทรงระลึกถึงพวกตนอยู่หรือหาไม่


ทันใด  เบญจวัคคีย์ทั้ง  ๕  คือ  โกณฑัญญะ  วัปปะ  ภัททิยะ  อัสสชิ  และมหานามะ  ก็เห็น
พระฉัพพรรณรังสีสว่างรุ่งเรืองมาแต่ไกล    เมื่อเหลียวแลลำแสงพระรัศมี    ก็เห็นพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จ
ดำเนินมา


ทั้ง  ๕  จึงนัดหมายกันว่าจะไม่รับเสด็จพระพุทธเจ้า  และจะไม่ถวายความเคารพ  คือจะไม่
ลุกขึ้นออกไปรับบาตรและจีวร  จะปูแต่อาสนะถวายให้ประทับนั่ง  จะไม่ถวายบังคม  แต่ต่างจะนั่งอยู่เฉยๆ  
ทำเป็นไม่รู้  ไม่สนใจว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา


แต่ครั้นพอพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงจริง  เบญจวัคคีย์ทั้งหมดต่างลืมนัดหมายกันเสียสิ้น  เพราะ
ต่างก็ลุกขึ้นรับเสด็จ  ถวายบังคม  และรับบาตรและจีวรด้วยความเคารพอย่างแต่ก่อนเคยทำมา ผิดแต่ว่าเวลาทั้ง  ๕  กราบทูลพระพุทธเจ้านั้นได้ใช้ถ้อยคำที่พวกตนไม่เคยใช้มาก่อนเท่านั้น


เบญจวัคคีย์ใช้โวหารเรียกพระพุทธเจ้าว่า  'อาวุโส  โคดม'   คำท้ายคือ   โคดม   หมายถึงชื่อ
ตระกูลของพระพุทธเจ้า   ส่วน  อาวุโส   เป็นคำเดียวกับที่คนไทยเรานำมาใช้ในภาษาไทย  ผิดแต่หมายต่างกันในทางตรงกันข้าม   ภาษาไทยใช้และหมายกับผู้สูงอายุและคุณวุฒิ   แต่ภาษาบาลีใช้เรียกบุคคลผู้อ่อนทั้งวัยและวุฒิ  คือเป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกผู้น้อย  'อาวุโส'  จึงเท่ากับคำว่า  'คุณ'  ในภาษาไทย


พระพุทธเจ้าตรัสเตือนสติเบญจวัคคีย์ว่า     เคยใช้โวหารนี้กับพระองค์มาก่อนหรือไม่เมื่อเบญจวัคคีย์ได้สติ  พระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าจึงตรัสเล่าเรื่องให้ฟังว่าพระองค์ได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  ที่เสด็จมาที่นี่ก็เพื่อจะมาแสดงธรรมโปรดนั้นเอง