วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๔๙ พระพุทธบิดาทราบข่าวก็เสด็จมาตัดพ้อ ทูลขอให้เสด็จไปประทับเสวยในวัง



ภาพที่ ๔๙
พระพุทธบิดาทราบข่าวก็เสด็จมาตัดพ้อ ทูลขอให้เสด็จไปประทับเสวยในวัง




ที่พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเสด็จไปรับเสด็จและเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นิโครธาราม  พร้อมด้วย
พระประยูรญาติ   แล้วไม่ได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ของพระองค์นั้น  ก็ด้วยเข้าพระทัยว่าพระพุทธเจ้าคงไม่เสด็จไปที่อื่นนอกจากพระราชนิเวศน์ของพระองค์


แต่ครั้นทรงทราบจากที่พระนางพิมพาไปทูลว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกจำนวนมากมิได้เสด็จตรงไปยังพระราชนิเวศน์  แต่กลับเสด็จบิณฑบาตไปตามถนนหนทางในเมือง ก็ทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก


ปฐมสมโพธิว่า   "พระหัตถ์ทรงผ้าสาฎกสะพักพระองค์   เสด็จลงจากพระราชนิเวศน์  บทจรโดยด่วนไปหยุดยืนอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระศาสดาแล้วกราบทูลว่า..."


"เหตุไฉนพระลูกเจ้าจึงมาเสด็จเที่ยวบิณฑบาตให้เป็นที่อัปยศ  ผิดธรรมเนียมของกษัตริย์ขัตติ
ยวงศ์ของเรา  ทำไมจึงไม่เสด็จไปเสวยที่พระราชนิเวศน์"


พระพุทธเจ้าตรัสบอกพุทธบิดรว่า  ธรรมเนียมการเสด็จภิกขาจารเพื่อบิณฑบาตนี้  มิใช่ธรรมเนียมของขัตติยวงศ์ก็จริง    แต่เป็นธรรมเนียมของพุทธวงศ์  (วงศ์ของพระพุทธเจ้า)   พระพุทธเจ้าตรัสว่า 
ธรรมเนียมของผู้สละบ้านเรือนออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าและของพระสงฆ์สาวกนั้น   ต้องเที่ยบิณฑบาต
เลี้ยงชีพ  การบิณฑบาตนั้น  เป็นอาชีพอันสุจริตของนักบวชในพุทธวงศ์


พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระเจ้าสุทโธทนะว่า   พระองค์ทรงขาดจากขัตติยวงศ์แล้ว   ขาดเมื่อ
ตอนเสด็จออกบวชก็หาไม่   ขาดเมื่อคราวบำเพ็ญเพียรใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก็หาไม่    แต่ขาดเมื่อคราวได้สำเร็จ  คือ  ภายหลังตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  ตั้งแต่นั้นมาพระองค์ได้ชื่อว่าทรงตั้งอยู่ในพุทธวงศ์


พระพุทธเจ้าประทับยืนตรัสพระธรรมเทศนาแก่พระเจ้าสุทโธทนะ  พอจบพระธรรมเทศนา  
พระเจ้าสุทโธทนะได้ทรงบรรลุโสดาปัตติผลในขณะที่ยืนอยู่นั่งเอง  ครั้นแล้วพระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงรับ
บาตร  แล้วอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งหมู่อริยสงฆ์บรรษัทไปยังพระราชนิเวศน์เพื่อทรงรับภัตตาหาร