วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๔ อสิตดาบสมาเยี่ยม เห็นกุมารประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะก็ถวายบังคม



ภาพที่ ๔
อสิตดาบสมาเยี่ยม เห็นกุมารประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะก็ถวายบังคม




ภาพนี้เป็นตอนภายหลังพระพุทธเจ้าประสูติแล้วใหม่ๆ คือภายหลังพระพุทธบิดาทราบข่าว
พระนางมายาประสูติพระโอรสระหว่างทางที่สวนลุมพินี  แล้วรับสี่งให้เสด็จกลับเมืองแล้ว


ผู้ที่มุ่นมวยผมเป็นชฎา  และมือทั้งสองประนมแค่อกที่เห็นอยู่นั้นคือ  'อสิตดาบส'  หรือบาง
แห่งเรียกว่า  'กาฬเทวินดาบส'   ท่านดาบสผู้นี้บวชเป็นฤาษีอยู่ข้างเขาหิมพานต์  หรือที่ทุกวันนี้เรียกว่าเขาหิมาลัยนั่นเอง  ท่านเป็นที่เคารพนับถือของพระเจ้าสุทโธทนะและของราชตระกูลนี้  และเป็นผู้คุ้นเคยด้วย


เมื่อท่านทราบข่าวว่าพระเจ้าสุทโธทนะ   ประมุขกษัตริย์กรุงกบิลพัสดุ์ทรงมีพระราชโอรสใหม่   จึงออกจากอาศรมเชิงเขา   เข้าไปเยี่ยมเยียนเพื่อถวายพระพรยังราชสำนัก   พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าวว่าท่านดาบสมาเยี่ยม   ก็ทรงดีพระพระทัยนักหนา    จึงตรัสสั่งให้นิมนต์ท่านนั่งบนอาสนะแล้วทรงอุ้มพระราชโอรสออกมาเพื่อให้นมัสการท่านดาบส


พอท่านดาบสได้เห็นเจ้าชายสิทธัตถะ   ก็ทำกริยาผิดวิสัยสมณะ  ๓ อย่าง  คือ  ยิ้มหรือแย้มหรือที่ภาษากวีในหนังสือปฐมสมโพธิเรียกอย่างหนึ่งว่า  หัวเราะแล้วร้องไห้ 
 แล้วกราบแทบพระบาทของเจ้าชายสิทธัตถะ


ท่านยิ้มเพราะเห็นพระลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะต้องด้วยตำรับมหาบุรุษลักษณ์  ท่านเห็น
ว่า  คนที่มีลักษณะอย่างนี้ถ้าอย่างครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงมีพระบรมเดชานุภาพแผ่ไปไกลแต่ถ้าได้ออกบวชจะได้เป็นพระศาสดาผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลก  ที่ท่านร้องไห้ก็เพราะเชื่อแน่ว่าเจ้าชายราชกุมารนี้  จะต้องออกบวช
 เพราะเหตุที่เชื่ออย่างนี้  เลยนึกถึงตัวท่านเองว่า  เรานี่แก่เกินการณ์เสียแล้ว เลยเสียใจว่ามีบุญน้อย   ไม่มีโอกาสที่จะได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า   และที่กราบไหว้พระบาทราชกุมารที่เพิ่งประสูติใหม่  ก็เพราะเหตุเดียวที่กล่าวนี้


ฝ่ายเจ้านายในราชตระกูลได้เห็นและได้ทราบข่าวว่า  ท่านดาบสกราบพระบาทราชกุมาร  ต่าง
ก็มีพระทัยนับถือพระราชกุมารยิ่งขึ้น  จึงทูลถวายโอรสของตนให้เป็นบริวารของเจ้าชายสิทธัตถะ  ตระกูลละองค์ๆ  ทุกตระกูล