วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๒๖ แม่พระธรณีบิดพระเกศา เกิดเป็นสมุทรธารา พระยามารก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี




ภาพที่ ๒๖
แม่พระธรณีบิดพระเกศา เกิดเป็นสมุทรธารา พระยามารก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี




สถานที่ที่พระมหาบุรุษประทับนั่งพื่อทรงบำเพ็ญเพียรทางใจ  แสวงหาทางตรัสรู้  ซึ่งอยู่ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น  เรียกว่า  'โพธิบัลลังก์'  พระยามารกล่าวตู่ว่าเป็นสมบัติของตน  ส่วนพระมหาบุรุษทรงกล่าวแก้ว่า   บังเกิดขึ้นด้วยผลแห่งบุญบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน   แล้วทรงอ้างพระนางธรณีเป็นพยาน


ปฐมสมโพธิว่า  "พระธรณีก็มิอาจดำรงกายอยู่ได้...ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี   ผุดขึ้นจากพื้นปฐพี..."  แล้วกล่าวเป็นพยานมหาบุรุษ  พร้อมกับบีบน้ำออกจากมวยผม  น้ำนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า  'ทักษิโณทก'  อันได้แก่   น้ำที่พระมหาบุรุษทรงกรวดทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนเป็นลำดับมา  ซึ่งแม่พระธรณีเก็บไว้ที่มวยผม  เมื่อนางบีบก็หลั่งไหลออกมา


ปฐมสมโพธิว่า   "เป็นท่อธารมหามหรรณพ   นองท่วมไปในประเทศทั้งปวง    ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร...หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้   ก็ลอยไปตามกระแสน้ำ   ปลาสนาการไปสิ้น  ส่วนคิรีเมขลคชินทร  ที่นั่งทรงองค์พระยาวัสสวดี   ก็มีบาทาอันพลาด  มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้   ก็ลอตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร...  พระยามารก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด"


บารมีนั้นคือความดี  พระมหาบุรุษท่านทรงรำพึงว่า  ชีวิต  ดวงหทัย  นัยน์เนตรที่ท่านทรงบริจาคให้เป็นกุศลผลทานมาก่อนนั้น    ถ้าจะเก็บรวมไว้ก็จะมากกว่าผลาผลไม้ในป่า    มากกว่าดวงดาราในท้องฟ้า


ความดีที่ทำไว้นั้นไม่หนีไปไหน  ถึงใครไม่เห็น  ฟ้าดินก็เห็น  ดินคือแม่พระธรณี