วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

าพที่ ๕๖ นายขมังธนูซึ่งพระเทวทัตส่งไปฆ่าพระพุทธองค์ ปลงอาวุธ ฟังธรรม สำเร็จมรรคผล



ภาพที่ ๕๖
นายขมังธนูซึ่งพระเทวทัตส่งไปฆ่าพระพุทธองค์ ปลงอาวุธ ฟังธรรม สำเร็จมรรคผล




บุรุษที่นั่งประนมมือวางคันธนูไว้กับพื้นอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า  ดังที่ปรากฎอยู่ใน
ภาพแสดงนั้น   คือนายขมังธนู  (คำหน้าอ่านว่าขะหมัง)  ขมัง  แปลว่า นายพราน  ขมังธนูก็คือนายพรานแม่นธนู  อาวุธร้ายแรงที่คนใช้ยิงสังหารกันในสมัยพระพุทธเจ้าคือธนู


พระเทวทัตแนะนำอชาตศัตรู   มกุฎราชกุมารให้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดาของพระองค์แล้ว  จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า  ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์  
       พระเทวทัตกราบทูลว่าพระพุทธเจ้าทรงพระชราแล้ว  ขอให้ทรงมอบตำแหน่งกิจการบริหารคณะสงฆ์ให้แก่ตนเสีย    เลยถูกพระพุทธเจ้าทรงทักด้วย เขฬาสิกวาท     เขฬาสิกวาทแปลตามตัวว่า   ผู้กลืนกินก้อนน้ำลายก้อนเสลดที่บ้วนทิ้งแล้วความหมายเป็นอย่างนี้คือ   นักบวชนั้น    เมื่อออกบวชได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง   เช่น  ลูก  เมีย  ทรัพย์  และตำแหน่งฐานันดรต่างๆ    
      พระเทวทัตก็ชื่อว่าสละสิ่งเหล่านี้เสียแล้วเมื่อตอนออกบวช  แต่เหตุไฉนจึงย้อนกลับมายอมรับซึ่งเท่ากับมาขอกลืนกินสิ่งเหล่านี้อีก


พระเทวทัตฟังแล้วเสียใจ  ผูกความอาฆาตพระพุทธเจ้ายิ่งขึ้น   จึงวางแผนการกระทำรุนแรงเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายแผน เฉพาะด้านการเมืองนั้น  พระเทวทัตได้ทำสำเร็จแล้วคือเกลี้ยกล่อม
อชาตศัตรูราชกุมารให้เลื่อมใสตนได้  แล้วราชกุมารผู้นี้ได้ปลงพระชนม์พระราชบิดา จนในที่สุดได้ขึ้นครองราชย์ในเวลาต่อมา  ที่ยังไม่สำเร็จก็คือการปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า


ขั้นแรกพระเทวทัตได้ว่าจ้างพวกขมังธนูหลายคน  ล้วนแต่มือแม่นในการยิงธนูทั้งนั้น  ไปลอบยิงสังหารพระพุทธเจ้าที่วัดเวฬุวนารามในกรุงราชคฤห์   ทั้งนี้โดยพระเจ้าอชาตศัตรูทรงรู้เห็นด้วย   แต่เมื่อ
พวกนายขมังธนูถืออาวุธมาถึงวัดที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่    ได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้ว  เกิดมือไม้อ่อนเปลี้ยไปหมด   ยิงไม่ลง   เพราะพุทธานุภาพอันน่าเลื่อมใสข่มใจให้สยบยอบลง   จึงต่างวางคันธนูแล้วกราบบาทพระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้พวกนายขมังธนูฟัง  ฟังจบแล้วนายขมังธนูต่างได้สำเร็จโสดา
หมดทุกคน