วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๑๕ พระยามารห้ามบรรพชาว่า อีก ๗ วันจะได้เสวยสมบัติบรมจักรแต่ไม่ทรงฟัง




ภาพที่ ๑๕
พระยามารห้ามบรรพชาว่า อีก ๗ วันจะได้เสวยสมบัติบรมจักรแต่ไม่ทรงฟัง




เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จทรงม้าพระที่นั่งผ่านประเทศออกมาในเวลาราตรี ที่มีแสงจันทร์
กระจ่าง  ก็มีเสียงคล้ายเสียงดนตรีขึ้นที่ข้างประตูนอกเมือง  เสียงนั้นร้องห้ามเจ้าชายมิให้เสด็จออกบวช




เจ้าชายสิทธัตถะ "ท่านนี้มีนามชื่อใด"
เจ้าของเสียง "เราชื่อวัสสวดีมาร"


พระยามารแจ้งข่าวให้เจ้าชายทรงทราบว่า  อีกเจ็ดวันในเบื้องหน้า  นับแต่วันนี้เป็นต้นไป  
จักรแก้วจักเกิดขึ้น  ผู้จะได้เป็นเจ้าของจักรแก้วนั้นคือเจ้าชาย  จักรแก้วตามความหมายของพระยามารใน
ที่นี้คือ  ความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ


เจ้าชาย "เรื่องนี้เราทราบแล้ว"
พระยามาร "ถ้าเช่นนั้น  ท่านจะเสด็จออกบวชเพื่อประโยชน์อันใด"
เจ้าชาย "เพื่อสัพพัญญุตญาณ"


สัพพัญญุตญาณตามความหมายในพระดำรัสของเจ้าชาย   คือ   ความได้สำเร็จเป็นพระ
พุทธเจ้า   ความที่บรรยายมาทั้งหมดนั้น  บรรยายตามความในวรรณคดีที่กวีท่านแต่ไว้ในปฐมสมโพธิ  
และที่พระพุทธโฆษาจารย์รจนาไว้ในอรรถกถาธรรมบท  โดยท่านสาธกให้เห็นเป็นปุคคลาธิษฐาน


ปุคคลาธิษฐาน  คือ   การแปลสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา   หรือสัมผัสไม่ได้ด้วยประสาททั้ง  
๕  ที่เรียกว่า  'นามธรรม'   แปลออกมาให้เป็นฉาก  เป็นบุคคลซึ่งเป็นตัวแสดงในเรื่อง   เหมือนนักเขียน
นวนิยายที่ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาตัวละคร  ถ้าไม่สาธกอย่างนี้คนก็จะไม่เข้าใจ  และท้องเรื่องก็จะจืด