ภาพที่ ๓๘
เสด็จไปหาชฎิลอุรุเวลากัสสป ขอพักในโรงไฟ ชฎิลบอกว่ามีนาคร้ายก็ไม่ทรงฟัง
ออกพรรษาแล้ว ล่วงมาจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ พระพุทธเจ้าได้ทรงประชุมพระสาวก ๖๐ รูปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น วัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้า
ทรงจัดประชุมพระสาวกดังกล่าวนี้ ก็เพื่อจัดส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนาตามเมืองต่างๆ
ในการประชุมนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธเจ้าดำรัสปราศรัยว่า
"ภิกษุทั้งหลาย! เราหลุดพ้นแล้วจากบ่วงเครื่องผูกมัดทั้งปวงแล้ว แม้พวกท่านทุกรูปก็เหมือน
กัน ขอพวกท่านจงจาริกไปประกาศพระศาสนาในชนบทต่างๆ เพื่อยังประโยชน์และความสุขให้เกิดแก่คนเป็นอันมาก จงแยกกันไปแห่งละรูป จงแสดงธรรมชั้นเบื้องต้น ชั้นกลาง และชั้นสูงอันบริสุทธิ์ที่เราได้ประกาศไว้แล้ว ภิกษุทั้งหลาย! คนในโลกนี้ที่มีกิเลสบางเบา แต่มีสติปัญญาที่พอจะฟังธรรมรู้ เรื่องนั้นมีอยู่ แต่เพราะเหตุที่คนเหล่านั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ฟังธรรม จึงเสื่อมจากคุณความดีที่จะพึงได้รับ พวกท่านไปกันเถิด แม้เราก็จะไปยังตำบลอุรุเสานานิคม เพื่อประกาศพระศาสนา"
รุ่งขึ้นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ พระสาวก ๖๐ รูปจึงต่างแยกย้ายกันออกไปประกาศพระศาสนา
ตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ส่วนพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมายังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งเคยเป็นสถานประทับตรัสรู้ แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จโดยลำพังพระองค์ไปยังสำนักของนักบวชใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า 'ชฎิลสามพี่น้อง'
ชฎิลผู้พี่ชายใหญ่ชื่อ 'อุรุเวลกัสสป' มีสาวกบริวาร ๕๐๐ คน ตั้งอาศรมบำเพ็ญพรต บูชาไฟ
อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราตอนเหนือ
น้องชายคนกลางชื่อ 'นทีกัสสป' มีบริวาร ๓๐๐
และน้องชายคนเล็กชื่อ 'คยากัสสป' มีบริวาร ๒๐๐ ตั้งอาศรมอยู่คนละแห่ง ที่คุ้งน้ำทางใต้ถัดลงมา
พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังสำนักของผู้พี่ชายใหญ่ก่อน ทรงพบหัวหน้าชฎิล แล้วตรัสขอที่พัก
หัวหน้ชฎิลบอกพระพุทธเจ้าว่ามีอยู่แห่งเดียวคือโรงบูชาไฟ แต่ในที่นั้นมีพญานาคใหญ่อาศัย พิษร้ายกาจนัก