วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๓๘ เสด็จไปหาชฎิลอุรุเวลากัสสป ขอพักในโรงไฟ ชฎิลบอกว่ามีนาคร้ายก็ไม่ทรงฟัง



ภาพที่ ๓๘
เสด็จไปหาชฎิลอุรุเวลากัสสป ขอพักในโรงไฟ ชฎิลบอกว่ามีนาคร้ายก็ไม่ทรงฟัง




ออกพรรษาแล้ว  ล่วงมาจนถึงวันขึ้น ๑๕  ค่ำ เดือน ๑๒  พระพุทธเจ้าได้ทรงประชุมพระสาวก  ๖๐  รูปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน    พระสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น   วัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้า
ทรงจัดประชุมพระสาวกดังกล่าวนี้  ก็เพื่อจัดส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนาตามเมืองต่างๆ


ในการประชุมนี้  พระพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธเจ้าดำรัสปราศรัยว่า


"ภิกษุทั้งหลาย!  เราหลุดพ้นแล้วจากบ่วงเครื่องผูกมัดทั้งปวงแล้ว  แม้พวกท่านทุกรูปก็เหมือน
กัน   ขอพวกท่านจงจาริกไปประกาศพระศาสนาในชนบทต่างๆ   เพื่อยังประโยชน์และความสุขให้เกิดแก่คนเป็นอันมาก    จงแยกกันไปแห่งละรูป    จงแสดงธรรมชั้นเบื้องต้น    ชั้นกลาง   และชั้นสูงอันบริสุทธิ์ที่เราได้ประกาศไว้แล้ว  ภิกษุทั้งหลาย!  คนในโลกนี้ที่มีกิเลสบางเบา  แต่มีสติปัญญาที่พอจะฟังธรรมรู้  เรื่องนั้นมีอยู่  แต่เพราะเหตุที่คนเหล่านั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ฟังธรรม จึงเสื่อมจากคุณความดีที่จะพึงได้รับ  พวกท่านไปกันเถิด  แม้เราก็จะไปยังตำบลอุรุเสานานิคม  เพื่อประกาศพระศาสนา"


รุ่งขึ้นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒  พระสาวก ๖๐ รูปจึงต่างแยกย้ายกันออกไปประกาศพระศาสนา
ตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า   ส่วนพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมายังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม    ซึ่งเคยเป็นสถานประทับตรัสรู้     แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จโดยลำพังพระองค์ไปยังสำนักของนักบวชใหญ่แห่งหนึ่ง   ซึ่งเรียกว่า  'ชฎิลสามพี่น้อง'


ชฎิลผู้พี่ชายใหญ่ชื่อ 'อุรุเวลกัสสป'  มีสาวกบริวาร  ๕๐๐ คน  ตั้งอาศรมบำเพ็ญพรต  บูชาไฟ
อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราตอนเหนือ 
       น้องชายคนกลางชื่อ 'นทีกัสสป'  มีบริวาร  ๓๐๐  
       และน้องชายคนเล็กชื่อ  'คยากัสสป'  มีบริวาร  ๒๐๐  ตั้งอาศรมอยู่คนละแห่ง  ที่คุ้งน้ำทางใต้ถัดลงมา


พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังสำนักของผู้พี่ชายใหญ่ก่อน    ทรงพบหัวหน้าชฎิล     แล้วตรัสขอที่พัก  
หัวหน้ชฎิลบอกพระพุทธเจ้าว่ามีอยู่แห่งเดียวคือโรงบูชาไฟ  แต่ในที่นั้นมีพญานาคใหญ่อาศัย  พิษร้ายกาจนัก