วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพที่ ๖๒ ทรงสำแดงยมกปาฏิหาริย์ข่มพวกเดียรถีย์ที่ต้นมะม่วงคัณฑาม พฤกษ์



ภาพที่ ๖๒
ทรงสำแดงยมกปาฏิหาริย์ข่มพวกเดียรถีย์ที่ต้นมะม่วงคัณฑาม พฤกษ์




ภาพที่เห็นนั้น  เป็นตอนพระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถี  แคว้นโกศล  ใน
วันเพ็ญกลางเดือนแปดก่อนวันเข้าพรรษาหนึ่งวัน


ปาฏิหาริย์   คือ   การแสดงให้คนเห็นเป็นที่อัศจรรย์    ซึ่งสามัญชนหรือคนที่ไม่เคยเรียนรู้มา
ก่อนแสดงไม่ได้  มีตั้งแต่อย่างต่ำ  เช่น  เล่นกล  หรือที่เรียกว่าแสดงปาหี่  ขึ้นไปจนถึงเดินบนน้ำ  ดำดิน   ลุยไฟ  กลืนกินตะปู  ที่พวกฤาษีแสดง   ตลอดถึงการเหาะเหินเดินอากาศที่ผู้มีฤทธิ์แสดง  ปุถุชนแสดงได้   พระอรหันต์ผู้ได้ฌาณได้ฤทธิ์ก็แสดงได้ 


ยมก  แปลว่า  คู่หรือสอง  ยมกปาฏิหาริย์  คือ  การแสดงคู่  น้ำคู่กับไฟ  คือเวลาแสดง  ท่อน้ำ
ใหญ่พุ่งออกจากพระกายเบื้องบนของพระพุทธเจ้า  เปลวไฟพุ่งเป็นลำออกจากพระกายเบื้องล่าง  เป็นต้น


ยมกปาฏิหาริย์แสดงได้แต่ผู้เดียว  คือผู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า  ส่วนพระอรหันตสาวก  และ
เดียรถีย์  ฤาษีชีไพรแสดงได้แต่ปาฏิหาริย์ธรรมดา  เช่น  เดินบนน้ำ  ดำดิน  เป็นต้น


สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ครั้งนี้   คือที่โคนต้นมะม่วง  หรือ  คัณฑามพฤกษ์  ในเมืองสาวัตถี  มูลเหตุที่ทรงแสดงคือ   เพราะพวกเดียรถีย์นักบวชนอกศาสนาพุทธ  ท้าพระพุทธเจ้าแข่งแสดงปาฏิหาริย์ว่าใครจะเก่งกว่ากัน     พวกเดียรถีย์ทราบว่าพระพุทธเจ้าจะแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่โคนต้นมะม่วง   จึงให้สาวกและชาวบ้านที่นับถือพวกตน  จัดการโค่นต้นมะม่วงเสียสิ้น   ทราบว่าบ้านใครสวนใครมีต้นมะม่วงก็ใช้อิทธิพลทางการเงินซื้อ  แล้วโค่นทำลายหมด   แม้หน่อมะม่วงที่เกิดในวันนั้นก็ทำลายไม่เหลือ 


แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่โคนต้นมะม่วงจนได้    โดยมีผู้นำผลมะม่วงสุกมาถวาย  ทรงฉันเสร็จแล้ว รับสั่งให้คนปลูกเมล็ดลงดิน  แล้วพระองค์ทรงใช้น้ำที่ล้างพระหัตถ์รด ปรากฎว่าหน่อมะม่วงโตพรวดพราด  แตกกิ่งก้านสูงขึ้นถึง  ๕๐  ศอก  ผลที่สุดพวกเดียรถีย์พ่ายแพ้ไป