วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทำอย่างไรจะหายโกรธ...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)


พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งเมตตาการุณย์ 
พระพุทธเจ้ามีพระคุณข้อใหญ่ประการหนึ่งคือ พระมหากรุณา
ชาวพุทธทุกคนได้รับการสั่งสอนให้มีเมตตากรุณา
ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วยกาย วาจา และมีน้ำใจปรารถนาดี
แม้แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรอื่น ก็ให้แผ่เมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ตลอดจนสัตว์ทั้งปวง
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขปราศจากเวรภัยกันโดยทั่วหน้า

อย่างไรก็ตาม “เมตตา” มีคู่ปรับสำคัญอย่างหนึ่งคือความโกรธ
ความโกรธเป็นศัตรูที่คอยขัดขวางไม่ให้เมตตาเกิดขึ้น
คนบางคนเป็นผู้มักโกรธ พอโกรธขึ้นมาแล้วก็ต้องทำอะไรรุนแรงออกไป
ทำให้เกิดความเสียหายถ้าทำอะไรไม่ได้ก็หงุดหงิด งุ่นง่าน ทรมานใจตัวเอง
ในเวลานั้นเมตตาหลบหาย ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ไม่ยอมปรากฏให้เห็น
ส่วนความโกรธ ทั้งที่ไม่ต้องการแต่ก็ไม่ยอมหนีไป
บางทีจนปัญญาไม่รู้จะขับไล่หรือกำจัดให้หมดไปได้อย่างไร

โบราณท่านรู้ใจและเห็นใจคนขี้โกรธ จึงพยายามช่วยเหลือโดยสอนวิธีการต่าง ๆ สำหรับระงับความโกรธวิธีการเหล่านี้มีประโยชน์ ไม่เฉพาะสำหรับคนมักโกรธเท่านั้นแต่เป็นคติแก่ทุกคน ช่วยให้เห็นโทษขอความโกรธและมั่นในคุณของเมตตายิ่งขึ้นจึงขอนำมาเสนอพิจารณากันดู วิธีเหล่านั้นท่านสอนไว้เป็นขั้น ๆ ดังนี้

ขั้นที่ ๑ นึกถึงผลเสียของความเป็นคนมักโกรธ
ขั้นที่ ๒ พิจารณาโทษของความโกรธ
ขั้นที่ ๓ นึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ
ขั้นที่ ๔ พิจารณาว่า ความโกรธ คือการสร้างทุกข์ให้ตัวเอง และเป็นการลงโทษตัวเองให้สมใจศัตรู
ขั้นที่ ๕ พิจารณาความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน
ขั้นที่ ๖ พิจารณาจริยาวัตรในปางก่อนของพระพุทธเจ้า
ขั้นที่ ๗ พิจารณาความเคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ
ขั้นที่ ๘ พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา
ขั้นที่ ๙ พิจารณาโดยวิธีแยกธาตุ
ขั้นที่ ๑๐ ปฏิบัติทาน คือ การให้หรือแบ่งปันสิ่งของ