พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งเมตตาการุณย์
พระพุทธเจ้ามีพระคุณข้อใหญ่ประการหนึ่งคือ พระมหากรุณา
ชาวพุทธทุกคนได้รับการสั่งสอนให้มีเมตตากรุณา
ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วยกาย วาจา และมีน้ำใจปรารถนาดี
แม้แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรอื่น ก็ให้แผ่เมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ตลอดจนสัตว์ทั้งปวง
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขปราศจากเวรภัยกันโดยทั่วหน้า
อย่างไรก็ตาม “เมตตา” มีคู่ปรับสำคัญอย่างหนึ่งคือความโกรธ
ความโกรธเป็นศัตรูที่คอยขัดขวางไม่ให้เมตตาเกิดขึ้น
คนบางคนเป็นผู้มักโกรธ พอโกรธขึ้นมาแล้วก็ต้องทำอะไรรุนแรงออกไป
ทำให้เกิดความเสียหายถ้าทำอะไรไม่ได้ก็หงุดหงิด งุ่นง่าน ทรมานใจตัวเอง
ในเวลานั้นเมตตาหลบหาย ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ไม่ยอมปรากฏให้เห็น
ส่วนความโกรธ ทั้งที่ไม่ต้องการแต่ก็ไม่ยอมหนีไป
บางทีจนปัญญาไม่รู้จะขับไล่หรือกำจัดให้หมดไปได้อย่างไร
โบราณท่านรู้ใจและเห็นใจคนขี้โกรธ จึงพยายามช่วยเหลือโดยสอนวิธีการต่าง ๆ สำหรับระงับความโกรธวิธีการเหล่านี้มีประโยชน์ ไม่เฉพาะสำหรับคนมักโกรธเท่านั้นแต่เป็นคติแก่ทุกคน ช่วยให้เห็นโทษขอความโกรธและมั่นในคุณของเมตตายิ่งขึ้นจึงขอนำมาเสนอพิจารณากันดู วิธีเหล่านั้นท่านสอนไว้เป็นขั้น ๆ ดังนี้
ขั้นที่ ๑ นึกถึงผลเสียของความเป็นคนมักโกรธ
ขั้นที่ ๒ พิจารณาโทษของความโกรธ
ขั้นที่ ๓ นึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ
ขั้นที่ ๔ พิจารณาว่า ความโกรธ คือการสร้างทุกข์ให้ตัวเอง และเป็นการลงโทษตัวเองให้สมใจศัตรู
ขั้นที่ ๕ พิจารณาความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน
ขั้นที่ ๖ พิจารณาจริยาวัตรในปางก่อนของพระพุทธเจ้า
ขั้นที่ ๗ พิจารณาความเคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ
ขั้นที่ ๘ พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา
ขั้นที่ ๙ พิจารณาโดยวิธีแยกธาตุ
ขั้นที่ ๑๐ ปฏิบัติทาน คือ การให้หรือแบ่งปันสิ่งของ