วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

๓๗.เข้าพรรษา


          ฤดูฝนสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการจาริกธุดงค์ หรือพักอาศัยตามร่มไม้ในป่า จึงมีธรรมเนียมให้ภิกษุพำนักอยู่ที่เดี่ยว ไม่ไปค้างแรมคืนที่ไหนเป็นเวลา ๓ เดือน เรียกว่า จำพรรษา เริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ สิ้นสุดในวันเพ็ญเดือน ๑๑

แต่ถ้าหากมีกิจสงฆ์หรือกิจจำเป็นเกิดขึ้น สามารถจากที่อยู่จำพรรษาไปได้ แต่ต้องกลับมาภายใน ๗ วัน

กาลเข้าพรรษา มีคติว่าเป็นการ “เข้าสู่ข้อวัตรปฏิบัติ” ด้วยเพิ่มความเคร่งครัดเข้มงวดแก่ตน ทั้งด้านธุดงควัตรและวัตรอื่น ๆ อันส่งเสริมการปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ภิกษุสามเณรบางรูปงดพูด อดอาหาร ฉันเฉพาะอาหารบิณฑบาต จำกัดคำข้าว งดน้ำปานะ สมาทานเนสัชชิกวัตรไม่นอนเป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน เพื่อทดสอบกำลังจิตข่มกิเลส และค้นหาแนวทางที่สอดคล้องกับจริตของตน

วัตรปฏิบัติในพรรษาเปลี่ยนแปลงจากฤดูปกติบ้าง คือเพิ่มเวลาปฏิบัติภาวนาร่วมกันมากขึ้น และมีการอบรมความรู้ทางวินัย โดยใช้หนังสือบุพพสิกขา และอธิบายแก้ไขข้อข้องใจแก่สานุศิษย์ ให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ถูกต้องตรงตามพุทธบัญญัติ

ครูอาจารย์จะย้ำเตือนให้ภิกษุสามเณร ตัดสลัดห่วงกังวลกิจภายนอก มุ่งเข้าสู่กิจภายใน คือการฝึกฝนจิตใจด้วยข้อวัตรปฏิบัติ ให้ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัย อย่าเกียจคร้าน มีมายาละทิ้งหน้าที่ของตน เพราะพฤติกรรมเหล่านี้นำมาซึ่งความเศร้าหมอง ยากต่อการเข้าถึงความสงบ ผู้มีวัตรสมบูรณ์ มีศีลบริสุทธิ์ มีปฏิปาสม่ำเสมอเท่านั้น ที่จะสามารถหยั่งลงสู่กระแสธรรมได้

เหตุการณ์ในพรรษาจะดำเนินไปด้วยความสงบ การเจรจาน้อยลง บางวันโรงฉันเงียบเหงา เพราะภิกษุสามเณรงดการขบฉันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศของธรรมกำลังครอบงำกิเลสในบางขณะ และต้องต่อสู้กันเรื่อยไป จนกว่าจะชนะตนเอง